- 06 ม.ค. 2561
แนะ…” 9 วิธีการสั่งสมบุญเสริมบารมี ให้ตนเอง”แบบง่ายๆโดยไม่ต้องไปวัด!!แต่ได้บุญมหาศาล…(สำหรับผู้ที่อยากทำบุญแต่ไม่มีเวลา)
วันนี้ผู้เขียนจะนำท่านผู้ชมมาเจาะลึกเรื่องการสร้างบารมีให้ตัวเองได้แบบง่ายๆไม่ยุ่งยากและสามารถทำได้ทุกที่โดยวิธีการสร้างบารมี 9ข้อที่น่าจะสะดวกและเหมาะสำหรับผู้ที่มีช่วงเวลาอันจำกัดไม่สามารถละมือปลีกตัวจากภารกิจหน้าที่การงานในความรับผิดชอบได้ค่ะ อีกทั้งยังช่วยให้ทุกคนได้มีโอกาสสร้างบารมีให้ตัวเองได้บ่อยมากขึ้นและเสียเวลาในการประกอบสัมมาอาชีพของแต่ละคนอีกด้วย จากที่ผู้เขียนได้สังเกตโดยส่วนตัวในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่าสภาพสังคมสิ่งแวดล้อมการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคสมัยปัจจุบันนี้โดยทั่วไปล้วนอยู่ในสภาพภาวะรีบเร่งและมีปัญหาการแก่งแย่งแข่งขันชิงดีชิงเด่นซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลาและส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งเน้นใฝ่สนใจให้ความสำคัญกันแต่วัตถุทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่งหน้าที่การงาน เกียรติยศชื่อเสียง ของแต่ละคนเท่านั้น
อ่านข่าวอื่นๆเพิ่มเติม..
มองในภาพรวมจะมีสักกี่คนที่สนใจสะสมบารมีเพิ่มให้ตัวเอง ชีวิตของพวกเขาเหล่าล้วนตั้งอยู่ในความประมาท เพราะกินบารมีเก่าอยู่ หากคุณยังไม่ทุกข์ ยากนักที่จะมาสนใจสิ่งเหล่านี้ การทำความดีกับความชั่วก็เหมือนกับการปลูกมะม่วง จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจ มองย้อนดูตัวเองอย่างแท้จริง
อย่ารอให้คุณทุกข์ ค่อยมาสะสมบารมี เพราะมะม่วงความดีที่คุณปลูก ไม่มีทางออกผลทันในช่วงปัจจุบันที่คุณต้องการส่วนใหญ่ผู้ที่เจริญในทางสว่างจะแบ่งเงินออกมา 10% ทำบุญกับพระพุทธศาสนาบ้าง ช่วยเหลือสังคม มูลนิธิบ้าง สะสมบารมีตลอดเวลา และสำหรับคนที่ไม่มีเงินก็สามารถสะสมบารมีได้เช่นกัน เนื้อหาอยู่ช่วงถัดไป
พื้นฐานของบุญหลักๆจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. จิตใจต้องบริสุทธิ์ เช่น ทำเพราะอยากช่วยเหลือสังคม พระพุทธศาสนา ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น เป็นต้น สำหรับตัวผู้เขียน ผู้เขียนให้เพราะอยากให้เขาได้สิ่งที่เราให้ไปปรารถนาให้พวกเขาได้สร้างสังคมที่ดีขึ้น หากคุณถวายวัด สิ่งของที่คุณถวายเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนา อย่ามองว่าเล็กน้อย เพราะคนละน้อยย่อมมหาศาลได้ อย่าไปหวังในผลของบุญ ให้คิดว่า ได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคม กับพระพุทธศาสนา
2. ผู้รับเป็นคนที่ดี เป็นเนื้อนาบุญ นำข้าวของ หรือ เงินที่เราให้ไปใช้ประโยชน์ ได้มากเท่าไหร่ ก็เป็นที่แน่นอนว่าเราย่อมได้รับบารมีมากขึ้นไปด้วย
วิธีการสร้างบารมีแบบง่ายๆ
1. บุญที่สำคัญที่สุดนั่นคือการทำบุญ กับ พ่อ แม่ หลายคนอาจมีพ่อแม่ที่ดีมีครอบครัวอบอุ่นแต่ตัวเองมักทำตัวไม่ดีชอบดื้อรั้นเกเรจึงไม่ถูกกับจริตกับพ่อแม่ในบางครั้ง แต่เชื่อเถอะ พ่อแม่ นั้นประเสริฐมากที่สุด ถ้าหากขณะนี้คุณมีชีวิตที่เข้าสู่ช่วงวัยผู้ใหญ่ ให้คุณลองมองย้อนกลับไปในช่วงที่ทำความดี ความชั่วกับพ่อแม่เยอะๆ คุณจะเห็นเลยว่ากฎแห่งกรรมนั้นผลของมันมหาศาล การทำบุญหรือบาปกับพ่อแม่นั้นจะส่งผลอย่างรวดเร็วพบเห็นได้ในชาตินี้และจะยิ่งเป็นทวีคูณขึ้นเรื่อยๆอีกด้วยค่ะ ดังนั้นจงมองความผิดของพ่อแม่ให้เล็กลงจนไม่เหลือให้เรามองเห็นได้อีกแล้วหาทางทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ให้กับพ่อแม่และครอบครัว สำหรับครอบครัวที่มีปัญหานั้นไม่ใช่จะจ้องมองแต่ความถูกต้องหรือการดื้อรั้นเพียงอย่างเดียว จริงๆแล้วผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟังเด็กนะคะ ถ้าหากว่าเราเลือกเวลาที่เหมาะสมในการเข้าหาพูดคุยกับผู้ใหญ่ก็ย่อมจะแก้ปัญหาได้ดีกว่าง่ายขึ้น หรือจะใช้อีกวิธี คือ การทำบุญแล้วอธิษฐานขอผลบุญส่งผลให้ครอบครัวอยู่กันอย่างมีความสุข ความเจริญ ไม่ทะเลาะกัน ให้ทำแบบนี้บ่อยๆอาจมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้
2. ทำทานกับการสวดมนต์ ซื้อบาตรสีเหลืองเล็กๆ ถ้าไม่มีให้ใช้ซองแทนได้ มาไว้ที่หิ้งพระ หลังสวดมนต์เสร็จทุกครั้ง ให้นำเงินอธิษฐานต่อหน้าพระพุทธรูป “ข้าพเจ้าขอถวายเงิน .... บาท ให้แด่พระพุทธเจ้าเพื่อที่ข้าพเจ้าได้ทำบุญกับพระพุทธศาสนา” หลังจากนั้นนำเงินใส่บาตรหรือซอง แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ พอครบเดือนให้นำเงินหยอดตู้ในวัด
3. ทำสังฆทานที่วัด ซื้อของที่เซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อ คิดว่าพระใช้ของอะไรบ้าง เช่น กระดาษทิชชู่, แปรง-ยาสีฟัน, น้ำเปล่า, น้ำยาล้างจาน-ห้องน้ำ ยาดม เบตาดีน หนังสือพระป่า (คำสอนสมเด็จโต หลวงปู่มั่น การเทศน์หรือประวัติของพระอริยะ) เป็นต้น เงินใส่ซองมีหรือไม่มีแล้วแต่ บางวัดจะไม่รับซองไม่รับเงินก็มี
ทำไมเราต้องทำบุญกับวัด ในทางโลกที่เรามองเห็น พระหลายรูปได้เทศน์สอนให้เราทำความดี กิเลสเบาลง ช่วยเหลือสังคม สร้างประโยชน์มากมาย การที่เราได้ทำบุญ ทำสังฆทานกับท่านเหล่านั้น ถือว่ามีประโยชน์มาก
สำหรับผู้ที่เจอพระประพฤติปฏิบัติตนไม่น่าเคารพเลื่อมใสทำให้มีอคติไม่น่าอยากทำบุญๆ ซึ่งในส่วนนี้ผู้เขียนต้องขอแนะนำว่าอย่าไปคิดแบบนั้นเลยค่ะเพราะจริงๆแล้วสังฆทานเหล่านั้นพระท่านจะต้องนำไปแบ่งกันใช้ บางทีอาจมีพระที่ประพฤติปฏิบัติตนดีบางท่านมารับเอาไปใช้ด้วยก็เป็นได้ ผู้เขียนอยากให้ทุกคนคิดแค่ว่าเราทำบุญเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนา แค่พอค่ะไม่ต้องไปหวังในผลบุญนั้นๆก็ถือเป็นอันใช้ได้แล้ว
4. นอนสมาธิ เหมาะสำหรับคนขี้เกียจมาก ตอนนอน ท่อง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ท่องร้อยครั้ง พันครั้งไปเรื่อยๆ จนหลับ ท่องแบบเบาสบายๆ ไม่เคร่งเครียด ธรรมชาติ ถ้าทำบ่อยๆแล้วเป็นสมาธิ เวลาตื่นมารู้สึกเหมือนนอนเต็มอิ่ม สดชื่นมาก เพราะนอนด้วยสมาธิ พอตื่นขึ้นมาหรือช่วงออกจากสมาธิ ให้แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ เป็นการสร้างบุญที่ง่ายและเยอะด้วย
5. การนั่งสมาธิ โดยเฉพาะช่วงที่สมาธิลึกที่สุด เวลาอธิษฐานอะไร เป็นบุญมหาศาล ยิ่งถ้าเรานั่งสมาธิลึกมากๆ แล้วปราศจากตัวตน คำอธิษฐานของเราช่วงนั้นจะเป็นจริงได้ง่ายมาก ถือว่าเป็นบุญมหาศาล ช่วงออกจากสมาธิ ให้แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์ด้วย
6. การทำบุญกับมูลนิธิต่างๆ หรือ สภากาชาติ บริจาคเลือด เป็นการช่วยเหลือสังคม โดยเฉพาะการบริจาคเลือดถือว่าเป็นบุญเกี่ยวกับการให้ชีวิต
7. การบอกบุญ บอกให้เพื่อนมาร่วมทำบุญ หรือเป็นตัวแทนกฐิน โดยเฉพาะการเป็นตัวแทนกฐินมีตู้มาไว้ที่ร้าน หลายคนได้ทำบุญเพราะเรา แต่ระวังเรื่องเงินอธิษฐาน ห้ามแลกเปลี่ยนเงิน เพราะ เงินหลายๆท่านได้อธิษฐานมาแล้วต้องระวังเรื่องนี้ด้วย ถ้าอยากแลกเงินให้ไปอธิษฐานในพระอุโบสถในวัดขอแลกเงินเป็นอันใช้ได้
8. สร้างอุโบสถ หล่อพระ สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ทำเถอะพวกนี้เป็นอะไรที่เยอะมาก หากสิ่งที่เราได้ให้ไปแล้วได้สร้างประโยชน์ ยิ่งสถานที่นั้นได้สร้างประโยชน์อยู่เรื่อยๆ หรือพระประธานที่เราหล่อมีการกราบไหว้ สวดมนต์ทุกวัน เท่ากับว่าเราได้บุญอยู่ทุกวัน บางคนไม่เคยนั่งสมาธิ แต่สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม หล่อพระเยอะๆ ยิ่งอธิษฐานขอให้เจริญกรรมฐานได้เร็วนะ พอนั่งสมาธิจะไปได้เร็วมาก
9. ซื้อปลา จากตลาด (ปลาจากตลาด คือ ปลาที่กำลังรอการถูกเชือด) (ถ้าซื้อบ่อยเปลี่ยนร้านบ้าง) มาปล่อยที่คลองหรือแม่น้ำ ระวังด้วยว่าปลาจะรอดไหม ถ้าไม่รู้ให้ปล่อยปลาที่มั่นใจ ปลาที่จะรอดได้ในแม่น้ำ คือ ปลาดุก ปลาชนิดนี้ทนทานมาก ถ้าปลาชนิดอื่นก่อนปล่อยให้ตักน้ำในแม่น้ำหรือคลองใส่ในปลาให้ปลาปรับสภาพก่อน สักพักใหญ่แล้วค่อยปล่อยลงในแม่น้ำได้ ผู้เขียนเคยอ่านบทความของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเทศน์ไว้ว่าการทำบุญแบบนี้สามารถหนีอุปฆาตกรรมได้ เพราะเราได้ช่วยชีวิตปลาไว้
ไม่มีเหตุบังเอิญในพระพุทธศาสนาทุกสิ่งล้วนเกิดจากกรรมทั้งสิ้น ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้วไซร้
จะสุขหรือทุกข์นั้นต่างกันเพียงแค่ความคิดเท่านั้นและไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ผู้ที่มีความเจริญทางปัญญาแล้วย่อมจะทำวินาทีที่เขายังคงมีอยู่นี้ให้ดีที่สุด โดยไม่เฝ้าเพ้อฝันถึงแต่อนาคตของวันถัดไป เพราะอนาคตคือ นิยามของความไม่แน่นอน ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าวันพรุ่งนี้ของแต่ละคนจะเดินทางวนกลับมาเยือนในชีวิตของแต่ละคนอีกครั้งเฉกเดียวกันกับวันวานไหม!!ฉะนั้นเมื่อมีโอกาสทำบุญสั่งสมบารมีแก่ตัวเองและทุกคนในครอบครัวก็ทำไปตามกำลังที่พอจะทำได้อย่าไปมีอคติใดๆในการทำบุญและไม่ควรสงสัยในผลบุญว่าจะมากจะน้อย เมื่อเจตนาเราดีจิตใจเราใสพิศุทธิ์แม้เราจะทำบุญกับภิกษุที่ทุศีลประพฤติปฏิบัติตนไม่ดีงามเหมาะสม แต่ผลแห่งบุญนั่นๆที่เราทำก็ยังคงเดิมไม่ได้ลดหายไปไหนหรอกค่ะ จึงไม่ควรทำให้ผลบุญต้องมัวหมองโดยการมีอคติ เจตนาเราดีทุกอย่างย่อมดี ภิกษุทุศีลประพฤติปฏิบัติตนไม่ดีบาปย่อมเกิดแก่ภิกษุรูปนั้นๆค่ะ
ขอขอบคุณท่านผู้เป็นเจ้าของเครดิตภาพที่ผู้เขียนได้นำมาจาก (อินเตอร์เน็ต)เพื่อใช้ในการแสดงประกอบเนื้อหาสาระข้อมูลนี้ค่ะ..และขอขอบคุณแหล่งที่มาของภาพและข้อมูลจาก:วิกิพีเดีย,
และข้อมูลเพิ่มเติม(บางส่วน)จาก :อินเตอร์เน็ตค่ะ
เรียบเรียงโดย: โชติกา พิรักษา และ ศศิภา ศรีจันทร์ ตันสิทธิ์






