โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

นับแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาบรรดา ความเชื่อ แง่ต่างๆ ก็ได้ถูกวิทยาศาสตร์ไขปริศนาจนกระจ่างแจ้ง แต่กระนั้นก็ดูเหมือนกับว่าเรื่องความเชื่อต้องคู่กับมนุษย์เสมอ เพราะแม้ในยุคที่ใช้หลักฐานงานวิจัยต่างๆ เข้ามาอธิบายด้วยเหตุผล ก็ยังคงมีกลุ่มความเชื่อในเรื่องใหม่ๆ หลุดออกมาอยู่สม่ำเสมอโดยเฉพาะใน "โลกโซเชียล" จริงบ้าง ยังต้องรอพิสูจน์บ้าง แต่ก็แชร์ไปแล้ว  บางอย่างไม่ต้องรอนักวิจัยมาพิสูจน์ แถมควรเชื่อเลยเป็นต้นว่าไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์กับเครื่องดื่มชูกำลังหรือดื่มเหล้ากับหยูกยาต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่อง "ต้องห้าม" ที่ไม่มีข้อยกเว้น เรื่องอย่างนี้ผู้รักสุขภาพทุกท่านย่อมทราบแก่ใจว่าไม่ดีแน่โดยมิพักต้องมีใครห้าม ซึ่งความจริงแล้วยังมีความเชื่อยุค "โซเชียลส่งต่อ" อีกมากที่ไมได้แค่ไม่จริงเท่านั้น หากยังทำให้คนเราพลาดโอกาสทองของชีวิตไปด้วย โดยเฉพาะโอกาสที่จะมีสุขภาพดี

 

จากความเชื่อแล้วทำตามที่ว่าห้ามรับประทานผักผลไม้ชนิดนั้นชนิดนี้คู่กันแล้ว จะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต เพราะเมื่อลือกันถึงเป็นถึงตายเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะพาให้หลายท่านที่ได้รับไลน์ตระหนกหวั่นไหว จนยอมไม่กินผักผลไม้ชนิดที่เตือนกันมาได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงส่วนเดียวของความเชื่อที่มีผลต่อสุขภาพดีของเรา ยังมีอีกหลายคำเล่าลือและข้อมูลที่บอกต่อกันมาที่ต้องมาดูกันว่ามันจะส่งผลให้เราเสียโอกาสสุขภาพไปหรือไม่ เพราะในเรื่องราวสุขภาพที่เป็นของจริงนั้น ย่อมต้องไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติต้องอดเรื่องดีๆในชีวิตไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้หลายท่านไม่กล้ากินของดีๆ ด้วยมีสาเหตุจากทั้งเกรงจะได้ผลไม่ดีเช่นนั้นหรือไม่อย่างนั้น ก็เกรงจะถูกครหาว่าสวนกระแสสังคม

 

ถ้างั้นขอให้ท่านที่รักลองมาดูกัน จะได้สบายใจครับ 10 เรื่องที่ "เชื่อแล้วช้ำ"

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!

 

1) ห้ามกินไข่
เรื่องนี้ต้องดูเป็นรายคนไปครับขึ้นกับความเสี่ยง แต่ท่านที่แข็งแรงดีแล้วเลี่ยง "ไข่" นั้นน่าเสียดายทั้งไข่ไก่,ไข่เป็ด,ไข่ปลา,ไข่นกกระทา และอีกสารพัดไข่ เพราะไข่ให้ของดีแทบทุกส่วนแม้เราจะไม่กินเปลือกมัน เริ่มจากไข่ขาวที่ให้กรดอะมิโนที่ดีอย่าง "ไทโรซีน" ที่เป็นของดี ช่วยสร้างสารกระฉับกระเฉงให้สมอง (Dopamine) เช่นเดียวกับเวลาที่ท่านกิน "ไก่" และ "ปลา" ดังนั้นท่านที่ไม่กินเนื้อสัตว์อื่นเท่าไรก็ควรต้องใช้ "ไข่" เป็นของช่วยที่สำคัญครับ อีกทั้งส่วนของไข่แดงที่มีสารบำรุงร่างกายสารพัด อย่างโคลีน,ไบโอติน,วิตามินดี ฯลฯ ช่วยสมองและระบบประสาท ขออย่าลืมว่าไขมันในเลือดสูงไม่ได้มาจากไข่แดงอย่างเดียวนะ

2) ห้ามกินทุเรียน 

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


ข้อนี้พบมากทุกฤดูแห่งราชาผลไม้ ส่วนของทุเรียนที่ถูกพูดถึงว่าทำให้อ้วนเป็นการมองเพียงด้านเดียว เพราะทุเรียนไม่ได้มีแต่แป้งและน้ำตาลเท่านั้น หากแต่มีใยอาหารที่ช่วยร่างกายทั้งสารต้านอนุมูลอิสระ ในกลุ่มพอลีฟีนอลส์ที่มีการศึกษาในหนูพบว่ามันช่วยลดไขมันในเลือดได้ ซ้ำทุเรียนยังมีแร่ธาตุที่ดี อย่างกำมะถันที่ช่วยลำไส้ และไล่เชื้อโรคได้อีก ดังนั้นการบริโภคทุเรียนที่พอเหมาะ พอประมาณและพอต่อต้นทุนสุขภาพที่มีอยู่เป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

3) ดื่มน้ำเยอะอันตราย

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


มีท่านที่เป็นห่วงว่าถ้าร่างกายได้รับน้ำเยอะเกินไปจะทำร้ายไต ทำให้ไตทำงานหนักหรือไตจะเสื่อมได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูว่าสุขภาพไตทั้ง 2 ข้างของเจ้าตัวนั้นปกติดีหรือไม่ เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปที่แข็งแรงดีการดื่มน้ำให้มากไว้ก่อนเป็นสิ่งที่ดีครับ ซึ่งร่างกายของเราสามารถรับน้ำเปล่าได้ในปริมาณหลายลิตรต่อวัน ต่อให้ท่านดื่มวันละ 3, 4 หรือ 5 ลิตรไตก็ยังขับออกได้ เพียงแต่เทคนิคคือไม่ควรดื่มคราวละมากๆ แต่ให้ค่อยดื่มไปเรื่อยๆ เครื่องจะได้ไม่สำลัก

 

4) กินไก่เป็นเก๊าท์

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


มีส่วนเป็นได้แต่ไม่ใช่ผู้ร้ายตัวเดียวเสมอไป ด้วยเก๊าท์เป็นโรค "หลายตัวการ" ซึ่งต้องหมั่นสังเกตหาผู้ร้ายอื่นๆ ด้วยจึงจะช่วยป้องกันได้ โดยการกินไก่ในปริมาณที่เหมาะสมนั้นจะให้กรดอะมิโนที่ดีทั้งไทโรซีนและทริปโตแฟนที่เป็นวัตถุดิบสร้างสารในสมองให้เรา ดังรายงานจากศูนย์แพทย์มหาวิทยาลัยพิทสเบิร์กที่ชี้ว่า การกินไก่ราว 6 ออนซ์ต่อวันเป็นไปได้ในผู้ป่วยเก๊าท์แต่ต้องดื่มน้ำสัก 1 แก้วก่อนและหลังกิน ดังนั้นสิ่งที่เราควรเลี่ยงคือ การกินเครื่องในไก่,น้ำซุปไก่ และอาหารอื่น ที่จะให้ (พิวรีนสูง) ร่วมกันไปด้วยไม่ใช่มุ่งแต่เลิกกินไก่อย่างเดียว

 

5) ดื่มน้ำเย็นไม่ดี

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


การดื่มน้ำเย็นแบบผิดที่ผิดโอกาสนั้นไม่ดีแน่ แต่การดื่มน้ำเย็นในห้วงเวลาที่เสียเหงื่อ, ออกกำลังมาหรือว่าหน้าร้อนนี้มีส่วนช่วยร่างกายได้มาก เพราะน้ำที่อุณหภูมิต่ำจะช่วยร่างกายในการลดความร้อนที่ใจกลาางร่างกาย (Core temperature)ได้มากกว่าน้ำอุณหภูมิห้อง หรือพูดง่ายๆว่าดื่มน้ำเย็นเป็นการ "ติดแอร์เล็กๆ" ให้กับตัวเรา นอกจากนั้นการดื่มน้ำเย็นยังกระตุ้นให้ร่างกายเราต้อง "ดึงความร้อน" มาช่วยอุ่นน้ำนั้นในท้องของเรา ทำให้เป็นการ "เบิร์น" แคลอรีแบบทางอ้อมด้วยครับ ถึงอย่างไรก็ดีเราควรดื่มน้ำให้พอต่อวันไม่ว่าน้ำนั้นจะเย็นหรืออุ่นก็ตามโดยเฉพาะใครที่ชอบดื่มกาแฟ

6) กินน้ำมันปลาทำให้เพิ่มไขมัน

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


คนไข้หลายท่านเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วงว่าถ้ารับประทาน "น้ำมันปลา" แล้วไขมันในเลือดจะพุ่งหรือไม่ เพราะดูมันเป็นน้ำมันเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้ตอบได้ง่ายเพราะว่าหน้าตาคล้ายก็จริง แต่สิ่งที่เป็นของดีช่วยลดไขมันนั้นอยู่ในน้ำมันปลาเป็นหลัก อันได้แก่กรดไขมัน "DHA" และ "EPA" ที่มีส่วนช่วยปรับสมดุลย์ไขมันโอเมก้า 6 ที่เราได้จากน้ำมันพืช แล้วยังช่วยลดการอักเสบที่ทำให้ร่างกายไม่สบายตามจุดต่างๆ เช่นเป็นสิว, ปวดข้อ, ผื่นคัน, เมื่อยตัว, ปวดหัว, ภูมิแพ้ฯลฯ ดังนั้นท่านอาจกินน้ำมันปลาหรือปลาสดก็ได้ เพราะที่จริงแล้วเขาเป็นพระเอกที่อยู่ข้างเรา

 

7) ห้ามกินเม็ดฝรั่ง

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้ "ไส้ติ่งป่วย" เกิดอาการปวดท้องงอแงขึ้นมาจากเม็ดฝรั่งไประราน จากตำนานนี้ทำให้สงสารมนุษย์กินฝรั่งมาก เพราะผู้ร้ายหลักที่ทำให้เกิดติ่งไส้อักเสบไม่ใช่เม็ดฝรั่งแต่อย่างใด ซึ่งในเรื่องนี้มีการศึกษาชัดจากงานวิจัยว่าเมล็ดผลไม้นั้น พบเป็นส่วนน้อยมากที่สุดของการทำให้เกิดไส้ติ่งอักเสบ (Asian Pac J Trop Biomed.2011 Apr;1(2):99-101) ด้วยที่จริงส่วนไส้ของมันก็เป็นของมีประโยชน์อุดมไปด้วยวิตามินซีและอื่นๆ ยกตัวอย่างฝรั่งขี้นกที่แกนสีแดงสวยนั้นมีสาร "ไลโคปีน" ชนิดเดียวกับที่มีในมะเขือเทศอยู่มาก

 

8) กะทิคือผู้ร้าย

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


ความคิดที่ว่ากะทิที่เป็นไขมันมะพร้าวเป็นของอันตรายอย่างให้อภัยไม่ได้นั้น อาจทำให้พลาดของดีอย่างกรดไขมันที่ดีชนิดพิเศษที่มีขนาดกลางๆ ย่อยง่ายกว่ากรดไขมันสายยาวอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีวิตามินอี, เอ และบรรดาวิตามินที่ละลายในน้ำมันอีกหลายอย่าง เพียงแต่ว่าการกินกะทินั้นควรจำกัดในท่านที่มีปัญหาไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์สูง,ไขมันจุกตับและกลุ่มโรคอ้วนลงพุงมฤตยู (Metabolic syndrome) ที่ควรคุมความเสี่ยงให้ดีก่อน สำหรับท่านที่รักสุขภาพ ขอแถมไว้ให้ว่าถ้าไม่สะดวกน้ำมันมะพร้าว ก็ยังคงสามารถได้ของดี อย่างกรดลอริกและไขมันดีๆ ที่เล่ามาได้จากอาหารไทยๆ ที่ใส่กะทิหอมมันทั้งหลาย

 

9) ห้ามดื่มน้ำมะพร้าว

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!

  
ไม่รู้ความเชื่อนี้มาจากไหนแต่ที่แน่ ๆ คือไม่ทุกคน ดังเช่นในคนไข้ที่มีความดันสูง, เป็นตะคริว หรือในผู้ใหญ่ที่เบื่ออาหารเกรงจะขาดเกลือแร่ ผมมักแนะนำให้ดื่มน้ำมะพร้าว ในน้ำมะพร้าวมีน้ำที่ช่วยให้ร่างกายไม่เสี่ยงขาด (Dehydration) ซึ่งมักพบได้ในผู้สูงวัย นอกจากนั้นยังมีแร่ธาตุที่ช่วยคุมความดัน อย่างโพแทสเซียมอีก มีผู้ใหญ่หลายท่านครับที่กินอาหารได้น้อยแล้วมีอาการ "ซึมเพลีย" จากโพแทสเซียมน้อยไปก็ให้ดื่มน้ำมะพร้าวนี้ช่วยได้ส่วนในนักกีฬาที่เสียเหงื่อหนัก ก็ใช้น้ำมะพร้าวเหยาะเกลือแทนเครื่องดื่มเกลือแร่ได้นะ

 

10) นมถั่วเหลืองกับมะเร็งเต้านม

 

โดนต้มจนเปื่อย!!! อย่ามโน นักวิจัย เผยความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการกิน ที่เราเข้าใจกันไปเองทั้งนั้น!!!


เรื่องนี้มีตรรกะมาจากก้อนมะเร็งเต้านมมี "ตัวรับฮอร์โมนเอสโตรเจน(Estrogen receptor)" ที่ในหลายท่านมี แต่สิ่งที่ไม่ถูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ ความเชื่อที่ว่าน้ำนมพืชชนิดนี้มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเรื่องนี้ไม่จริงอย่างแน่นอนเพราะ "นมถั่วเหลืองไม่ได้มีเอสโตรเจนเหมือนในมนุษย์" แต่มีสิ่งที่เรียก "ไอโซเฟลโวนส์(Isoflavones)" ที่เป็นของพืชโดยเฉพาะ ดังนั้น การดื่มน้ำเต้าหู้หรือนมถั่วเหลืองแล้ว ในหลักฐานเชิงประจักษ์จึงยังไม่มีห้ามไว้อย่างเป็นเอกฉันท์แน่นอนครับ ซึ่งการดื่มน้ำนมพืชที่มีประโยชน์นี้วันละมื้อสองมื้อจึงไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด

 

ทั้งหมดที่เล่ามาจะเห็นว่ามีทั้ง 2 ด้านจึงไม่ใช่ของห้ามสำหรับทุกคนทุกกรณีเสมอไป หากแต่ผู้รู้จริงจะให้พิจารณาเป็นรายไป ดังนั้นสิ่งที่ค้นคว้าจากงานวิจัยต่างๆ มาฝากท่านที่รักนี้จึงเป็น bottom line ที่จะช่วยให้ผู้รักสุขภาพทุกท่านได้ไม่เสียโอกาสในการเลือกสิ่งที่มีประโยชน์รับประทานดูโดยไม่ต้องอดเสมอไป เพราะทุกอย่างย่อมมีข้อดีเสมอ