- 02 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ถ้าหากเราย้อนเวลาถอยหลังไปในอดีต มีเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ นั่นก็คือภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของมหาอำนาจจากยุโรป ที่ทุกประเทศต่างเดือดร้อน วุ่นวายกันถ้วนหน้า ซึ่งเรื่องนักล่าอาณานิคมนี้นั้น
ทางด้านของเพจโซเชียลชื่อดังอย่าง "หมี RT" ได้โพสต์เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของนักล่าอาณานิคมไว้อย่างน่าสนใจ ว่า
ตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวตะวันตกรู้จักและให้ความสนใจแค่อินเดียและจีน 2 มหาอำนาจในดินแดนตะวันออกไกลเท่านั้น
จุดเริ่มต้นจริงๆ ที่ทำให้ประเทศในดินแดนในแหลมอินโดจีนโดนคุกคาม นั้นมาจากพม่าที่เริ่มต้นไปกระตุกหนวดเสือ
เพราะพม่าคิดว่าตัวเองเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลอยู่ในแถบนี้ จึงส่งกองทัพไปบุกโจมตีเพื่อจะขยายอำนาจเข้าไปในเบงกอล ซึ่งเป็นที่ตั้งของรัฐอิสระในเขตอิทธิพลของอังกฤษในอินเดีย
แต่สงครามจบลงด้วยการพ่ายแพ้อย่างยับเยินของพม่า และที่สำคัญคือการทำให้อังกฤษสนใจจะขยายอำนาจจากอินเดียที่ตนครอบครองอยู่แล้ว เข้ามาสู่พม่าและดินแดนถัดไปในแหลมอินโดจีน ที่มีไทยอยู่ในจุดศูนย์กลาง
เมื่ออังกฤษได้อินเดียเป็นเมืองขึ้น แล้วขยายอำนาจเข้าสู่เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ได้มาเลยเซีย สิงคโปร์ และพม่า
ฝรั่งเศสที่เข้ามาที่หลัง จึงทำทุกอย่างเพื่อจะขยายอำนาจเข้าสู่ภูมิภาคนี้ โดยไม่สนใจวิธี จนไม่เหลือคราบผู้ดี
หลังจากฝรั่งเศสได้เวียดนาม แล้วก็อาศัยเล่ห์เหลี่ยมยึดเขมรและลาวไปจากไทย
แล้วดินแดนต่อไปที่ทั้งสองมหาอำนาจจ้องตาเป็นมัน คือสิบสองปันนา
ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ล้านช้าง (ประเทศลาว) ล้านนา (เชียงใหม่) เขมร และตอนบนของแหลมมาลายู เป็นเมืองขึ้นของไทย
ถัดขึ้นเหนือไปจากล้านนา คือดินแดนที่ไทยเรียกว่า สิบสองปันนา เป็นดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมดินแดนทางใต้ของจีนและทางเหนือของพม่า ไทย ลาว
ฝรั่งเรียกดินแดนสิบสองปันนานี้ว่า Independence Shan States รัฐอิสระฉาน หรือเขตปกครองตนเองรัฐฉาน
ส่วนล้านนานั้นฝรั่งเรียกว่า Siamese Shan States คือเป็นรัฐฉานที่ปกครองโดยสยาม
ส่วนรัฐฉานที่คนไทยส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นดินแดนการปกครองชาวไทใหญ่นั้นอยู่ทางตอนเหนือของพม่า
สิบสองปันนาเป็นดินแดนบนที่ราบสูง มีแต่ภูเขาสูงชันทั่วทั้งดินแดน จึงมีลักษณะภูมิศาสตร์ที่ดูเหมือนจะดีเยี่ยมที่ทำให้ข้าศึกยากจะบุกรุก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว รัฐอิสระในสิบสองปันนานั้นอ่อนแอ่ จนต้องมาขอเป็นรัฐในอารักขาของประเทศที่เข้มแข็ง
เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย จึงทำให้ในตลอดประวัติศาสตร์ของสิบสองปันนานั้น ดินแดนแห่งนี้ บางครั้งเป็นเมืองขึ้นจีน บางครั้งเป็นเมืองขึ้นพม่าและเป็นเมืองขึ้นของสยาม
รวมทั้งบางครั้งเป็นเมืองขึ้นของทั้ง 3 ประเทศนั้นไปพร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน
จนมาถึงสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ล้านนาที่มีเมืองหลวงอยู่ที่เชียงใหม่ก็เป็นเมืองขึ้นของสยาม ส่วนรัฐฉานของไทใหญ่ที่มีเมืองหลวงอยู่ที่เชียงตุง ก็เป็นเมืองขึ้นของพม่า ส่วนรัฐฉานที่อยู่เหนือถัดขึ้นไป ที่มีเมืองหลวงอยู่เชียงรุ่งก็เป็นเมืองขึ้นของจีน
อย่างไรก็ตาม ดินแดนสิบสองปันนานี้ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนของอำนาจทั้งจากจีน พม่า และสยาม จนบางครั้งไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ารัฐใดขึ้นกับใคร จึงเป็นจุดอ่อนที่อังกฤษและฝรั่งเศสมองทะลุปรุโปร่ง
ก่อนกรุงรัตนโกสินทร์ พม่าคือชาติมหาอำนาจในดินแดนแถบนี่ แล้วเวลาผ่านไปพม่าก็เริ่มเสื่อมลง แต่พม่ายังคงเข้าใจว่าตัวเองยิ่งใหญ่
เมื่ออังกฤษมีอำนาจเหนืออินเดีย พม่าจึงลองของ หวังจะแสดงฤิทธานุภาพ
เช่นเดียวกับจีน ที่ ณ เวลานั้นความยิ่งใหญ่จากยุคที่เคยเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกในอดีต ทำให้จีนยังคงลำพอง ทั้งๆ ที่ไม่เคยพัฒนาอะไรใหม่ขึ้นมาเลย
ผิดกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมสำเร็จ จนเป็นผู้นำแห่งเทคโนโลยี
เมื่ออังกฤษมาถึง ทั้งจีนและพม่าจึงพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เพราะประเมินตัวเองสูง แต่ประเมินอังกฤษไว้ต่ำ
ในขณะที่ไทยเรา หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก แล้วสมเด็จพระเจ้าตากสินมากู้แผ่นดิน ตามต่อมาด้วยพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ที่ตั้งใจทะนุบำรุงบ้านเมือง
จากรัชกาลที่ 1 จนถึงรัชกาลที่ 5 ที่เป็นช่วงเวลาที่ฝรั่งเริ่มขยายอำนาจมาถึง ไทยก็เป็นประเทศที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียไปแล้ว
ในหลวงรัชกาลที่ 4 บวชเรียนอยู่หลายสิบปี ศึกษาศิลปวิทยาทั้งไทยและเทศ จนเป็นปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
เมื่อขึ้นครองราชสมบัติก็จ้างฝรั่งมาทำงาน รวมทั้งจ้างฝรั่งมาสอนภาษาและศิลปวิทยาการสมัยให้กับพระราชโอรสและพระราชธิดา ข้างราชบริพาร
เมื่อในหลวงรัชกาลที่ 5 ครองราชย์ และมีอำนาจเต็มเมื่อพระชนมพรรษา 20 ก็ทรงรอบรู้ศิลปวิทยาการสมัยใหม่เรียบร้อยแล้ว จนมีหลักฐานบันทึกไว้ว่า ทรงได้รับการยกย่องจากชาติตะวันตก ว่าพระองค์เป็นพระมหากษัตริย์ที่สมาร์ทที่สุดในเอเชีย
สมาร์ทในที่นี้หมายถึง ความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ รวมทั้งหมายถึงการแต่งกายและการเข้าสังคมแบบชาวตะวันตก
ทรงไม่ได้รับมือ มหาอำนาจของโลกด้วยการทหาร อย่างจีนและพม่า แต่ทรงใช้วิธีพัฒนาประเทศและบุคลากรให้ทันสมัยเทียมหน้าฝรั่ง รวมทั้งทรงใช้การฑูตเป็นเครื่องมือในการต่อกรกับมหาอำนาจฝรั่ง
ความสามารถทางการทูตของพระองค์เป็นที่ประจักษ์ชัด ทั้งการเดินทางไปเจรจาทางการทูตด้วยพระองค์เอง และทั้งส่งพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการเป็นตัวแทนพระองค์
วันที่พม่าเสียเมือง คณะราชทูตไทย และคณะราชทูตพม่าอยู่ที่อังกฤษเรียบร้อยแล้ว แต่พม่าเดินเกมส์การเมืองผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ยากจะเยี่ยวยา
วันนั้น คณะราชทูตพม่า ประเทศที่เคยเป็นศัตรูสู้รบกันมาหลายร้อยปี ยังไม่ทันมีโอกาสจะเข้าเจรจาการทูต เพราะพม่าเสียเมืองให้อังกฤษไปเสียก่อนแล้ว จึงมาขอเข้าพบเพื่อปรับทุกข์กับคณะราชทูตของไทย
คณะราชทูตพม่าต้องมานั่งร้องไห้เสียใจกับคณะราชทูตของไทย กับการเสียเมืองในคราวนั้น
ตัดฉากเมื่อเวลาผ่านพ้นไป รัฐฉานน้อยใหญ่ทางตอนเหนือของพม่า ที่ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองเป็นพม่า ก็นัดแนะจะรวมชาติเป็นสหภาพแห่งรัฐฉาน
แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพม่า ที่ขอให้รัฐฉานมารวมกับพม่า เป็นสหภาพพม่า เพื่อรวมกำลังเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษก่อนแล้วค่อยแยกประเทศ
แต่เมื่อได้เอกราชจากอังกฤษ พม่าก็หักหลัง ฉีกสัญญาที่จะให้รัฐฉานเป็นอิสระ
ตอนจบของเรื่องนี้ พม่าเสียเมือง สิ้นแสงฉาน แต่สยามยังอยู่ยั่งยืนยงคงเอกราชเอาไว้ได้จนถึงปัจจุบันนี้
ก็เพราะพระบารมี พระปรีชาสามารถ และพระวิริยอุตสาหะในการบำนุทำรุงชาติและประชาชนของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีทุกพระองค์
เกิดเป็นไทยแล้ว ต้องรู้คุณแผ่นดิน ต้องรู้คุณพระมหากษัตริย์ไทย อย่าได้ให้ใครมาทำร้ายลูกหลานเหลนโหลนของราชวงศ์จักรี ที่ทุ่มเททุกอย่างให้คนไทยมีแผ่นดินอยู่ได้อย่างผาสุขมาถึงทุกวันนี้
ที่มาของเนื้อหาเพจ หมี RT






