- 23 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคกันอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี ซึ่งคนโบราณมักนำไปหมักกับน้ำผึ้ง เป็นตำรายาอายุวัฒนะ วันนี้จึงนำสูตรยามาให้ชมกัน
สูตรกล้วยน้ำว้าดองน้ำผึ้ง สุดยอดยาอายุวัฒนะ (สูตรที่ 1 )
ส่วนประกอบ
1 พริกไทยดำ บุบๆ พอแตก 100 เม็ด
2 ขิงสดฝานเป็นแง่งบางๆ 1 แง่ง
3 กล้วยน้ำว้าสุกคาต้น 1 หวี
4 น้ำผึ้งแท้
5 โหลแก้ว ขนาด พอประมาณ
(ให้สูงกว่ากล้วยวางแนวตั้ง)
วิธีทำ
1.นำพริกไทยและขิงสดเรียงไว้ก้นโหล
2.ปลอก กล้วยน้ำว้าใส่เรียงตามลงในแนวตั้ง…เรียงจนกล้วยเต็มโหล แล้วเติมน้ำผึ้งแท้ ตามลงไปจนท่วมกล้วยมิด ปิดฝาโหลตั้งทิ้งเอาไว้ สามวัน
3.จากนั้นนำกล้วยมากิน
เช้า 1 ลูก
เย็น 1 ลูก4.ถ้ากล้วยใกล้หมดให้เติมกล้วยลงไปใหม่ หมักต่อไป…ทานได้เรื่อยๆ
ตำรายาอายุวัฒนะ (สูตรที่ 2 )
-เอากล้วยน้ำว้าชนิดงอมจัดๆ คือ เปลือกกล้วยเริ่มมีจุดดำบ้างแล้ว มาปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ ดุจหั่นแตงกวา ปริมาณ 10 ผล ต่อน้ำผึ้ง 1 ขวดกลม (750 ซีซี) จะดองครั้งละกี่ขวดก็ได้
-ส่วนน้ำผึ้งนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นน้ำผึ้งแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยคงหายาก (ซื้อที่เค้าขายตามซูเปอร์มาร์เก็ต ก็น่าจะใช้ได้ – adul)
-นำส่วนผสมมาใส่ขวดโหลดองเอาไว้ อย่าใส่ให้เต็มโหล ประเดี๋ยวจะฟูและล้นมานอกโหล
ต้องดองให้ครบ 3 เดือน จึงจะใช้ได้ ระหว่าง 3 สัปดาห์แรก กล้วยจะลอยอยู่ข้างบนและจะมีรา จงใช้ไม้ตะเกียบคนให้กล้วยข้างบนจมลงไปอยู่ด้านล่างต่อไปก็จะมีราขึ้นอีก หมั่นคนจนไม่มีราเกิดขึ้นอีก
เมื่อครบ 3 เดือนแล้ว จงเอาผ้าบางมากรองโดยไม่ต้องคั้น น้ำจะใส มีรสเปรี้ยวนิดๆ เอากากกล้วยทิ้งไป กินแต่เฉพาะส่วนที่เป็นน้ำ
-กินคืนละ 1 ถ้วยชาจีน หรือประมาณ 4 ช้อนคาว กินทุกคืนก่อนนอนถ้ารับประทานมากเกินไปจะร้อนจนทนไม่ไหวเมื่อกินไปได้ 15 วัน ท่านจะรู้สึกตัวทันทีว่า ร่างกายอบอุ่นและกระชุ่มกระชวยผิดธรรมดา
เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือ “รีดเดอร์ไดเจสต์” ของต่างประเทศเขาก็มีอยู่บทหนึ่งที่กล่าวว่า
เมื่อเชื้อเห็ดราของผลไม้ผสมกับน้ำผึ้งแล้ว จะทำให้เกิดปฏิกิริยา คือสามารถสร้างฮอร์โมนในร่างกายของคนเราได้ คือต้องการเชื้อเห็ดราของกล้วยนั่นเอง มาตรงกับยาอายุวัฒนะของไทยเรา
เมื่อท่านลองแล้วท่านจะเห็นผลเองยาขนานนี้ไม่แต่เป็นยาอายุวัฒนะเพียงอย่างเดียว ยังเป็นยาเตะปี๊บพังด้วยคำพังเพยของไทยเรากล่าวว่า
“ตากแดดตากลม เพราะอ้ายนมสองเต้า ลำบากยากเข็ญ เพราะเอ็นอันเดียว” ก็คงเป็นจริงอยู่






