- 31 ส.ค. 2561
เปิดประวัติเจ้าอาวาสวัดธรรมิการาม ผู้ตัดศรีมหาโพธิ์ เคยใช้เงินวัด15ล้านซื้อที่โอนเป็นชื่อตัวเอง
จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่อายุ 60 ปี บริเวณจุดชมวิวด้านทิศตะวันออก บนเขาช่องกระจก ตรงข้ามศาลากลางจังหวัด ในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ถูกตัดโค่นเหลือแต่ตอทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะพบต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในสถูปเจดีย์ด้านทิศเหนือ และทรงปลูกต้นศรีมหาโพธิ์เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2501
ขณะที่ พระราชสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดธรรมิการราม พระอารามหลวง เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุติ เปิดเผยโดยยอมรับว่า อาตมาและลูกศิษย์วัดเป็นผู้ตัดโค่นต้นศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว โดยไม้ได้แจ้งให้หน่วยงานใดทราบล่วงหน้า เนื่องจากพบว่าที่ผ่านมาหลังเดือนตุลาคม 2559 ต้นไม้มีสภาพทรุดโทรม เริ่มจากปลายยอดเหี่ยวเฉาและทรุดโทรมอย่างต่อเนื่อง จากนั้นวัดได้บำรุงรักษา เพราะเข้าใจว่าอาจมีปัญหาขาดน้ำจากสภาวะภัยแล้งหรือมีปัญหาจากลิงเขาช่องกระจกหักยอดใบ แต่ต่อมาพบว่าสภาพต้นศรีมหาโพธิ์ยังไม่ฟื้น แต่วัดไม่ได้แจ้งให้หน่วยงานของรัฐรับทราบเพื่อช่วยเหลือ กระทั่งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้เข้าไปตรวจสอบพบว่ายังมีแขนงส่วนโคนแตกใบอ่อนแต่ไม่เติบโตและล่าสุดยอมรับว่าไม่สามารถเยียวยาได้
ล่าสุด นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ออกมาเปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือด่วนที่สุดถึงสำนักพระราชวังเพื่อกราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยโทษ จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกถูกตัดโค่น และ จังหวัดไม่ได้รายงานให้หน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องรับทราบมาก่อนตามธรรมเนียมปฏิบัติ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เคยมีประเด็นข่าวเกี่ยวกับ พระราชสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ฝ่ายธรรมยุต เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามวรวิหาร พระอารามหลวง ซึ่งได้ใช้เงินวัดซื้อที่ดิน 160 ไร่ ที่บ้านหนองกุ่ม ต.อ่าวน้อย อำเภอเมืองฯ โดยโอนกรรมสิทธิ์เป็นทรัพย์สินส่วนตัว เพื่อแลกกับที่ดินเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์
“สำหรับปัญหาล่าสุดจากการใช้เงินวัด 15 ล้านบาท ซื้อที่ดิน 160 ไร่ ที่บ้านหนองกุ่ม ต.อ่าวน้อย อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เพื่อนำไปแลกกับที่ดินของกรมธนารักษ์ 42 ไร่ บริเวณเรือนจำ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้านทิศตะวันตกของวัด แต่ที่ผ่านมาไม่สามารถดำเนินการแลกเปลี่ยนได้ เนื่องราคาที่ดินแตกต่างกัน
ขณะนี้ที่ดินยังอยู่ในความครอบครองของอาตมา ยังไม่ได้โอนเป็นกรรมสิทธิ์ของวัดในฐานะนิติบุคคล และอยู่ระหว่างการประกาศขาย เพื่อนำเงินมาใช้บูรณะวัด ซึ่งได้เรียนข้อเท็จจริงให้พระผู้ใหญ่รับทราบแล้ว ที่หลายฝ่ายมองว่า การครอบครองที่ดินอาจมีปัญหาเหมือนวัดพระธรรมกายนั้น ยืนยันว่าแตกต่างกันเนื่องจากอาตมาใช้เงินวัดซื้อที่ดินโอนเป็นชื่อตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงที่ดินธรณีสงฆ์เนื่องจากโอนยากใช้เวลานาน แต่พระวัดธรรมกายรับบริจาคที่ดินที่มอบให้วัด แต่มีการโอนเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล”
นอกจากนี้ เจ้าอาวาสวัดธรรมิการามฯ ยังกล่าวถึงกรณีศาลอาญาแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดอ่านคำพิพากษาคดีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ถูกฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีซื้อขายที่ดินวัดธรรมิการาม จำนวน 732 ไร่ ที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และต่อมามีการขายที่ดินให้บริษัทอัลไพน์ โดย ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเมื่อปี 2555 ว่า การดำเนินการภายหลังศาลมีคำตัดสินเป็นหน้าที่ของรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไร
“วัดยอมรับว่าไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ เนื่องจากมีปัญหาทั้งด้านกฎหมายและด้านศีลธรรม โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการกฤษฎีกาชี้ว่าที่ดินธรณีสงฆ์ไม่สามารถซื้อขายหรือโอนได้ และหลายฝ่ายได้พยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ขณะที่เงินจากการขายที่ดิน 142 ล้านบาท ได้ฝากไว้ในนามมูลนิธิมหามงกุฎราชวิทยาลัยในฐานะผู้จัดการมรดก โดยวัดจะได้รับดอกเบี้ยราย 3 เดือน เพื่อนำมาใช้จ่ายภายในวัด”





