"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ลุงผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ ขอให้เพื่อนบ้านพามาทิ้งไว้เอง

     จากกรณีที่ทางวัดพระบาทน้ำพุ ได้เผยแพร่คลิปเเละภาพ  ของการที่ญาติๆเเละครอบครัวนำผู้ป่วยมาทิ้งไว้ข้างกำแพงหน้าวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นการเผยผ่านทางเพจเฟซบุ๊คของ วัดพระบาทน้ำพุ  โดยทางวัดให้คำเเนะนำว่า  อาจเป็นทางเลือกที่ง่าย แต่เป็นทางเลือกที่ไม่เป็นผลดีสำหรับคนไข้ ปัจจุบันโรคเอดส์สามารถรักษาและควบคุมอาการได้หากผู้ป่วยได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลใกล้บ้านทุกแห่งทั่วประเทศ 

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

  นอกจากนี้ทาง วัดพระบาทน้ำพุ ยังได้กล่าวร่ายยาว เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกว่า...

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

แอดมินไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกเลยครับ (เหตุการณ์เช้านี้ที่หน้าวัดพระบาทน้ำพุ)

การนำผู้ป่วยมาฝากให้วัดพระบาทน้ำพุดูแล ทำไมทางวัดต้องมีเอกสารหลายอย่างในการนำส่งตัวผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นประวัติการรักษา เอกสารส่วนตัว ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ใบเซ็นยินยอมของญาติ และการพูดคุยทำความเข้าใจกับญาติในการรับผู้ป่วย

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

นั่นเพราะ วัดพระบาทน้ำพุไม่รู้ประวัติผู้ป่วย ถ้าผู้ป่วยสื่อสารได้ดีก็ดีไป ถ้าสื่อสารไม่ได้เราต้องนับ 1 กันใหม่ตั้งแต่เจาะเลือด ตรวจสุขภาพ ว่ามีโรคแทรกซ้อนหรือไม่ ต้องทำการรักษาโรคแทรกซ้อนก่อนมั้ย บลา ๆ รายละเอียดมันเยอะมาก ถ้ามีประวัติการรักษาวัดจะประสานกับทางรพ.เก่าเพื่อขอประวัติการรักษาและรักษาต่อเนื่องต่อไป ซึ่งถ้าไม่มีขั้นตอนตรงนี้ค่อนข้างใช้เวลา และถ้าผู้ป่วยที่มามีอาการหนักบางครั้งอาจไม่ทันการ

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

และถ้าทิ้งแบบไม่มีเอกสารประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน วัดจะต้องไปแจ้งความ และอีกสารพัดอย่าง ถ้าผู้ป่วยต้องรักษาตัว ผ่าตัด เจาะเลือด ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถสื่อสารหรือช่วยเหลือตัวเองได้ ใครจะเป็นผู้ยินยอม วัดไม่สามารถทำแทนได้ ไหน ๆ ก็เอาผู้ป่วยมาถึงหน้าวัดแล้ว อยู่รอพบเจ้าหน้าที่สักหน่อย สอบถามพูดคุยกัน บ่อยครั้งที่ญาตินำผู้ป่วยมาวัดแล้วนำกลับไป เพราะเข้าใจวิธีการดูแลและอยู่ร่วมกัน และบ่อยครั้งที่ญาตินำเอกสารมาไม่ครบและสัญญาว่าจะส่งมาให้แล้วเงียบหายไป บ่อยครั้งที่ญาติทำถูกต้องตามระเบียบของวัดและสัญญาว่าจะมาเยี่ยมตามที่วัดกำหนดแล้วเงียบหายไป ทางวัดเจอมาทุกรูปแบบ

 

วัดพระบาทน้ำพุไม่เคยปฏิเสธผู้ป่วยถ้าเตียงไม่เต็ม (บ่อยครั้งเตียงเต็มยังต้องรับ) อย่าเอามาทิ้งแบบนี้เลย เข้ามาพูดคุยกันทำทุกอย่างให้ถูกต้องเพื่อที่เค้าจะได้มีโอกาสฟื้นตัวและมีชีวิตต่อไป เถอะ

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

ทุกวันนี้ HIV มียาต้านไวรัสทาน สามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ปกติ มันไม่ได้ติดกันง่าย ๆ เปิดใจ ให้โอกาสให้พวกเค้าได้มีที่ยืนในสังคมบ้าง ขอให้วัดพระบาทน้ำพุเป็นเพียงทางผ่านให้พวกเค้ามาพักฟื้น แล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติในสังคม อยู่กับครอบครัว เพื่อนฝูงอย่างมีความสุขเถอะ

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

ทั้งนี้ได้มีการเปิดใจพระราชวิสุทธิประชานาถ (หลวงพ่ออลงกต) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ โดยหลวงพ่ออลงกตเล่าว่าผู้ป่วยรายล่าสุดที่ถูกพามาทิ้งไว้นี้ความจริงคือเพื่อนบ้านเป็นคนพามา รู้เพียงว่าผู้ป่วยมีลูกชายแท้ๆอยู่แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันและลูกชายก็ทอดทิ้งเพื่อนบ้านเกิดความสงสารจึงพามา อย่างน้อยเขาก็ยังมีน้ำใจพามาส่งไม่ได้ทิ้งไว้ตามข้างทาง ตัวเพื่อนบ้านเองคงคิดแค่ว่าเป็นผู้ป่วยโรคเอดส์คนหนึ่งไม่อยากจะมารับภาระอะไรจึงวางไว้หน้ากำแพงอย่างนั้น

 

"ลุงรู้ตัวเองดี ไม่อยากเป็นภาระใคร" ผู้ป่วยเล่าความจริงหลังว่อนภาพถูกทิ้งข้างกำแพงวัดพระบาทน้ำพุ

 

หลวงพ่ออลงกตเล่าว่ากว่า 20 ปีที่ผ่านมาที่คอยช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์เหล่านี้เหตุการณ์พาผู้ป่วยมาทิ้งก็เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง "นี่ไม่ใช่ครั้งแรก" แต่ปัญหาอย่างนี้คือทางวัดจะไม่มีข้อมูลของผู้ป่วย ไม่มีประวัติการรักษาต่างๆที่ผ่านมา ถ้าเป็นเช่นนี้ทางวัดก็ต้องเสียเวลาในการตรวจสอบประวัติของผู้ป่วย ซึ่งเป็นอุปสรรคในการคัดกรองผู้ป่วย บางรายหากเป็นผู้ป่วยวัณโรคปล่อยไปรวมกับผู้ป่วยที่ไม่เป็น ผ่านไปไม่นานเชื้อวัณโรคก็จะแพร่กระจายติดต่อกันทำให้เกิดปัญหาอีก

ทางวัดยืนยันว่าอย่างไรก็จะรับดูแลผู้ป่วยแต่อยากขอให้ญาตินำมาส่งด้วยตัวเอง เพราะบางครั้งการที่ญาติไม่พามาแล้วจ้างวานให้ผู้อื่นมาส่งก็จะส่งผลกับผู้ป่วยที่จะคิดว่าถูกทอดทิ้งจนเกิดอาการซึมเศร้าได้

และเจ้าหน้าที่ได้พาไปดูจุดที่ผู้ป่วยถูกนำมาทิ้งพบว่าเป็นเส้นทางค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีบ้านเรือนประชาชน กลางคืนจะมืดและเป็นจุดที่มีผู้ป่วยถูกนำมาทิ้งไว้อยู่บ่อยครั้ง

นอกจากนี้ยังได้สัมภาษณ์ตัวผู้ป่วยเองซึ่งให้เรียกเขาว่า "ลุงตี๋" เปิดใจเล่าว่าตัวเองรู้ว่าป่วยหนักและอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีใครดูแล ตนจึงขอให้เพื่อนบ้านช่วยพามาส่งที่วัดแห่งนี้ด้วยตัวเอง แต่ว่าวันที่มาถึงนั้นก็ดึกแล้วลุงตี๋กลัวว่าทางวัดจะไม่อนุญาตให้เข้า อีกทั้งยังเกรงใจเพื่อนบ้านที่มาส่งไม่อยากให้เป็นภาระของใครจึงบอกให้เพื่อนวางตนไว้ที่ข้างกำแพงในจุดที่ปรากฏอยู่ในรูปภาพ ลุงตี๋ยืนยันว่าเป็นคนบอกให้เพื่อนบ้านวางลุงไว้ที่จุดนั้นเองเพราะตนก็ไม่ได้ติดต่อทางวัดมาก่อน

 

คลิป.....

 

 

ขอบคุณ

วัดพระบาทน้ำพุ และ ทุบโต๊ะข่าว อัมรินทร์ทีวี