"ยอมพลีชีพ​ ไม่หนี​ นี่คือบ้าน" ปณิธาน​ ความเสียสละของ​ 3​ หลวงพ่อ​ ต้องอยู่เหนือความเกลียดชัง (คลิป)

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าสะเทือนใจต่อพุทธศาสนิกชนเป็นอย่างยิ่ง กรณีคนร้ายบุกยิงพระถึงในกุฏิวัดโคกโก อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส ทำให้พระมรณภาพ 2 รูป เมื่อคืนวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายแต่งชุดดำคล้ายทหารพราน ขี่รถมอไซด์ มาด้วยกัน 6 คน กลุ่มคนร้ายเดินตรงเข้ามา กราดยิงด้วยอาวุธสงคราม ทำให้พระสงฆ์มรณภาพ จำนวน 2 รูป และ ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 รูป  

ทราบชื่อดังนี้
1. พระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ (ท่านสว่าง) เจ้าอาวาส และเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี มรณะในที่เกิดเหตุ
2. พระสมุห์ อรรถพร ขุนอำไพ (ท่านอู๊ด) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส มรณะในที่เกิดเหตุ 
3. พระธนโชติ ชุมเลิศ (หลวงพ่อแดง) ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลถูกยิงที่ไหล่ซ้าย ส่งต่อ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก...ล่าสุดปลอดภัยแล้ว  
4. พระประเวศ สุขแก้ว (พระยาน) ได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลเปิดบวมผิดรูปบริเวณต้นขาขวา และมีแผลเปิดที่ไหล่ขวา ส่งต่อ โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ล่าสุดปลอดภัยแล้วนั้น


จากเหตุการณ์เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผู้ก่อความไม่สงบเลือกที่จะยิงพระ เพื่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในสังคม โดยเฉพาะเรื่องของศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง ระหว่างศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม

 

 

ทั้งนี้ หากเรามาดูประวัติ ของพระครูประโชติ รัตนานุรักษ์ หรือ ท่านสว่าง ทำให้เห็นถึงความเสียสละที่ท่านทำเพื่อสังคมอย่างแท้จริง นอกจากนี้ท่านยังเป็นพระนักพัฒนา เป็นศูนย์รวมจิตใจชาวพุทธ และพระสงฆ์กลุ่มถักทอสันติภาพที่ทำงานอย่างมุ่งมั่นมาโดยตลอด ท่านยังได้เคยกล่าวไว้ว่า “ถ้าไม่ตายไม่ขอเลิกทำความดี ผมไม่หนี ผมถือว่าตรงนี้เป็นแผ่นดินไทย ปู่ ย่าตายายผมเป็นคนพุทธ เกิดตรงนี้ขอตายตรงนี้”


โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า จืด เข็มทอง ได้โพสต์ข้อความเล่าถึงเรื่องราวเจ้าอาวาส พระผู้ปฏิบัติดีรูปนี้ด้วยว่า
 
ท่านพูดนายูได้ เพราะเป็นเด็กในหมู่บ้านอิสลาม ท่านโตกับเพื่อนมุสลิม ..และท่านมักเยี่ยม..และช่วยเหลือเพื่อนมุสลิม ท่านมีครูมุสลิม ท่านก็จะถืออินทาผาลัมไปฝากครูมุสลิม ท่านทำงานเยาวชนให้กับเด็กมุสลิม ท่านก็จะเลี้ยงไอติมให้กับเด็กมุสลิมในค่ายทุกครั้ง ท่านจบจากโรงเรียนบ้านเจ๊ะเด็ง..มีแต่เด็กมุสลิม ..และท่านก็ไปเลี้ยงข้าวหมกให้กับเด็กมุสลิมในโรงเรียนเดิมของท่าน

ท่านมีเพื่อนชื่อมะ ที่เป็นมุสลิมซึ่งชอบดูนก และอนุรักษ์สัตว์ต่างๆ ท่านก็จะเรียนรู้การดูนกกับไอ้มะ และค้นคว้าเรื่องสัตว์อื่นๆ...เพื่อช่วยเหลือสัตว์ที่เด็กมุสลิมเอาไปทิ้งที่วัด

ท่าน..ทำอะไรมากมายที่ทำหน้าที่......"มนุษยชาติ"คนหนึ่งที่ทำดีเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์....ไม่เลือก ชนชั้น วรรณะ ศาสนา....

และท่าน...พูดกับฉันเมื่อถึงเวลาเพล..."นะ...ฆีมาแกนาซิ"....และนั่นเป็นการสนทนาครั้งสุดท้าย เมื่อ 5 มกราคม 2562

เครือข่ายเยาวชนรักษ์ป่าบูโด
ขอไว้อาลัยท่านพระครูประโชติคณานุรักษ์"ท่านหว่าง"
18 มกราคม 2562

ข้างบน เป็นข้อเขียนเพื่อนมุสลิม ที่เขียนถึงท่านหว่าง เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี ที่โดนลอบสังหารเมื่อวานนี้

ท่านเจ้าคณะอำเภอ ท่านหว่าง ใช้พื้นที่วัดที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่า มีแปลงสมุนไพร มีกิจกรรมค่ายเยาวชน ทั้งพุทธ มุสลิม จัดกิจกรรมตลอดมา

 

เวลาผมลงมาทำกิจกรรม เพื่อนๆมุสลิม จะพามาวัดนี้เสมอ การสังหารท่านครั้งนี้ อย่าได้โกรธ แค้นกันด้วย #พุทธหรือมุสลิม เรามีพระที่ถูกนายทุนฆ่า เรามีพระถูกฆ่าเพราะขัดผลประโยชน์ พระถูกฆ่าเพราะความหลงผิด มืดบอดของมือสังหารมีให้ได้พิจารณา จิตของมนุษย์ตลอดปีตลอดชาติมาแล้ว

"เราจะทำความดีจนตาย" คือคติประจำใจ ของท่านหว่าง เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี คตินี้น่าจะเป็นสิ่งชี้วัดว่า ความดีคืออะไร ไม่ใช่การรบรา วางระเบิด ทำร้ายกันแน่นอน

ขอกราบแสดงความเสียใจต่อการมรณภาพพระคุณเจ้าทุกรูปในการก่อเหตุครั้งนี้ ผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารครั้งนี้ แท้ที่จริงเป็นได้แค่เครื่องมือของคนมืดบอด ที่มีอยู่ทุกชาติศาสนา เป็นคนทั่วๆไป ที่เวียนว่ายไปตามกรรม
 
เขาไม่ได้ใกล้ชิดแม้ขี้เล็บของพระเจ้า
 
อามีน
.....
#กราบท่านหว่าง

 

โดยวินาทีที่พุทธศาสนิกชนปวดใจ ในค่ำคืนวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา คนร้าย 6 คน บุกเข้าไปภายในวัดโคกโก จังหวัดนราธิวาส โดยคนร้ายแต่งชุดดำคล้ายทหารพรานมีแค่ 6 คนเท่านั้น เดินมาจากป่ายางหลังวัด วันนี้เราจะย้อนไปดูวินาทีเกิดเหตุ และบทสนทนาสุดท้ายของท่านสว่าง เจ้าอาวาสวัดโคกโกกัน จากการเล่าให้ฟังของหลวงพ่อแดง ที่ถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บเช่นกัน

ท่านสว่าง (เจ้าอาวาส) แกยังหันมาพูดกับหลวงพ่อแดง เลยว่า..พวกนี้มันมาอีกแล้ว (มันมาเงียบ ๆ แบบนี้ประจำ) ท่านสว่างพูดเสร็จ มันก็ยิงใส่เลย..พวกมันเดินมาทางหลังวัดซึ่งเป็นป่ายาง กระสุน โดนท่านสว่าง (เจ้าอาวาส) และท่านอู๊ด (ผู้ช่วยเจ้าอาวาส) มรณะตรงจุดเกิดเหตุทั้ง 2 รูป (ตอนนั้นนั่งกัน 3 รูป) ส่วนหลวงพ่อแดง ซึ่งนั่งร่วมด้วย โดนเข้าที่หัวไหล่ซ้าย และนิ้วเท้าข้างซ้ายขาดไป 2 นิ้ว ส่ง รพ.สุไหงโก-ลก จากนั้น พวกมันไปเคาะประตูกุฏิ แล้วยิงใส่พระยานในกุฏิอีก ส่ง รพ.สุไหงโก-ลก

และพวกมันทั้ง 6 คน ก็ยังยิงไปทุกกุฏิ แม้แต่พระที่ป่วยนอนอยู่ มันก็ยิงเข้าไปในกุฏิ แต่ไม่ถูกพระ หลังยิงเสร็จ พวกมัน 6 คน ก็เดินกลับหายเข้าป่ายางหลังวัดไปแบบ....ตอนนี้หลวงพ่อแดง กับพระยาน ปลอดภัยแล้ว นี่คือเรื่องจริง ทั้งหมดนะครับ !!

นั้นก็เป็นวินาทีคนร้ายใจบาป มารศาสนา บุกยิงพระอย่างไม่เกรงกลัวต่อบาปบุญคุณโทษแต่อย่างใด ซึ่งก่อนที่ท่านเจ้าอาวาส จะมรณภาพนั้น ยังได้บอกบุญให้กับพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันทำบุญอีกด้วย


ทั้งนี้จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของ พระสว่าง เวทมาหะ เจ้าอาวาสวัดรัตนานุภาพ  พบว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการโพสต์ประชาสัมพันธ์บอกข่าวบุญแก่พุทธศาสนิกชนเรื่องงานยกช่อฟ้า และปิดทองฝังลูกนิมิต-ผูกพัทธสีมา อุโบสถ ของวัดรัตนานุภาพ ซึ่งจะจัดงานในวันที่ 6-12 พ.ค.นี้ แต่ยังไม่ได้ทันจัดงานก็เกิดเหตุร้ายขึ้นเสียก่อน รวมทั้งในเฟซบุ๊กดังกล่าวยังมีการโพสต์ข้อความและภาพถึงกิจกรรมต่างๆของวัดและเจ้าอาวาสอย่างสม่ำเสมอด้วย

ขณะที่เฟซบุ๊กของ พระมหาอภิชาติ ธมฺมาภินนฺโท ได้โพสต์ถึงเหตุการณ์ของพระครูประโชติรัตนานุรักษ์ที่ถูกคนร้ายบุกยิงด้วย ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เชื่อว่าหลายคนอาจยังไม่เคยรับรู้มาก่อนเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติของเจ้าอาวาสรูปนี้ จึงขอนำเนื้อหาบางส่วนมาเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำความดีของสังคม

เรื่องราว คำพูดของท่านก้องอยู่ในหูตลอดเวลา เปิดดูข่าวก็น้ำตาไหลนึกถึงท่าน

ผมเกิดที่นี่ พ่อแม่ปู่ย่าตายายผมเป็นคนที่นี่นราธิวาส ผมเรียนที่นี่ รุ่นผมมีชาวพุทธสองคน ทุกคนเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องกัน ไม่ว่าจะศาสนาไหน ผมภูมิใจที่สุด ครั้งหนึ่งได้ไปเลี้ยงอาหารรุ่นน้องที่โรงเรียน ไปเยี่ยมครูสอน ไปเยี่ยมผู้อำนวยการ เป็นความสุขที่หาอะไรมาเปรียบไม่ได้ เพราะนี่ คือบ้านเกิดของผม บ้านที่ผมรัก

ชีวิตผมเกิดมาชาติหนึ่ง ได้สร้างวัดด้วยตนเองถวายเป็นพุทธบูชา ผมมาอยู่ที่นี่ (บ้านโคกโก) ตั้งแต่ยังไม่มีอะไร ผมเริ่มสร้างศาลาหลังแรกคือ ศาลาการเปรียญ (ศาลาโรงธรรม) ใช้ชื่อว่า ธรรมานุภาพ แล้วก็สร้างศาลาโรงฉัน ใช้ชื่อว่า สังฆานุภาพ สิ่งที่ผมจะสร้างเป็นสิ่งสุดท้าย คือ พระอุโบสถ เป็น “พุทธานุภาพ” รวมทั้งหมดเข้าด้วยจึงเป็น วัดรัตนานุภาพ

แต่ก็น่าเสียดาย ท่านกำหนดงานปิดทองฝังลูกนิมิตในเดือน พฤษภาคม ศกนี้ ตอนที่ท่านเดินทางมาดูลูกนิมิตรลูกเล็ก (๑,๒๕๐ ลูก) และพระประธานชั้นล่างของพระอุโบสถ (ที่พระครูสิริฯเป็นเจ้าภาพ) ที่จังหวัดนคราาชสีมา ก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วย ท่านบอกว่า “ท่านมหา ผมไม่ได้หยิ่งนะ จะร่วมบุญลูกนิมิตรต้องลงไปทำเองที่วัดรัตนานุภาพนะ แล้วท่านก็หัวเราะ”

 

 

ขณะที่พุทธศาสนิกชนที่เลื่อมใส่ศรัทธาต่างแสดงความไว้อาลัยต่อการจากไปของพระทั้ง 2 รูปนี้ ผ่านทางสื่อต่างๆ ที่ยิ่งอ่านแล้ว ก็ยิ่งน้ำตาไหล

ซึ่งเฟสบุ๊ก Ning Suchanya โพสต์ข้อความระบุว่า สิ้นสุดเสียงปืนเงียบลง กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้เหมือนจะขาดใจของคนทั้งหมู่บ้าน ใจลูกแตกสลายเมื่อรู้ว่าหลวงอาสิ้นแล้ว #รัตนานุภาพสูญเสียจนหมดสิ้น ที่พึ่งทางใจของชาวบ้านโคกโก หมู่บ้านที่เคยเงียบสงบ ร่มเย็น กลับโดนคนใจบาปทำลายจนสูญสิ้นแค่เพียงไม่กี่นาที(ครั้งหนึ่งก่อนตัดสินใจกลับลงมาทำงานที่บ้านเกิดตัวเองบอกเลยตอนนั้นมีแต่ความกลัว ไม่กล้ากลับมา พอหลวงอารู้ข่าวว่าเราไม่กล้ากลับมาจึงฝากบอกกับแม่ให้บอกเราว่ากลับมาเถอะ กลับมาอยู่บ้านเรา ไม่ต้องกลัวอะไร และหลวงอาก็เป็นคนที่เดินทางไปส่งเราพร้อมกับพ่อและแม่ที่โรงเรียนในวันแรกที่เราเข้าไปทำงาน) #แต่ในวันนี้ที่ที่เราคิดว่าปลอดภัยที่สุดในชีวิตของเรา กลับกลายเป็นที่ที่เราต้องอยู่ไปด้วยความหวาดระแวงและความกลัว เราต้องสูญเสียที่พึ่งทางใจ น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกับการสูญเสียครั้งนี้ เราทำใจยอมรับไม่ได้กับการสูญเสียครั้งนี้ #ขอความสงบสุขกับมาสู่สามจังหวัดชายแดนใต้ด้วยเถิด #บ้านโคกโกบ้านเกิดฉัน
 

อีกหนึ่งเฟสบุ๊ก นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ โพสต์ข้อความระบุว่า ระวังอย่าเดินตกหลุมสงครามความรู้สึก กรณีเหตุยิงพระสงฆ์ที่สุไหงปาดี

เหตุยิงพระสงฆ์มรณภาพ 2 รูปและบาดเจ็บอีก 2 รูป ที่วัดรัตนานุภาพ สุไหงปาดี สร้างความสะเทือนใจกับความรู้สึกของผมอย่างยิ่งเมื่อผมทราบข่าว

ก่อนหน้านี้ 1 สัปดาห์ มีเหตุยิงโต๊ะอิหม่ามที่รือเสาะเสียชีวิตเช่นกัน แต่ผมกลับไม่ได้มีความรู้สึกเท่า ทำให้ผมจึงเข้าใจได้ทันทีว่า นี่คือ "สงครามความรู้สึก" อย่างที่ ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี แห่ง มอ.ปัตตานี เคยตั้งข้อสังเกตไว้เมื่อสิบปีก่อน

การยิงพระสงฆ์นั้น ถ้าถามว่าฝ่ายขบวนการต้องการอะไร ทำไปทำไม ฝ่ายขบวนการเขาไม่ได้ยิงเพื่อมุ่งเป้าสร้างความหวาดกลัวกับคนพุทธเท่านั้นหรอก ความหวาดกลัวที่สามจังหวัดนั้นมากจนเป็นความเคยชินที่ยอมรับสภาพกันไปแล้ว แต่แท้จริงเป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความแตกแยกทางความรู้สึกระหว่างพี่น้องพุทธและมุสลิม และหวังผลในระดับชาติ

พี่น้องในพื้นที่สามจังหวัดนั้นเขาได้ปรับตัวอย่างมากเข้าสู่โหมดสมานฉันท์อยู่ร่วมกันสองวัฒนธรรมอย่างลงตัวท่ามกลางควันปืนมาหลายปีแล้ว อันนี้ไม่น่าเป็นห่วงมาก การยิงพระสงฆ์คงไม่ได้ทำให้เปลวสงครามความรู้สึกของคนชายแดนใต้กระพือมากนัก แต่ที่น่าเป็นห่วงคือคนไกล คนที่อยู่นอกพื้นที่สามจังหวัดต่างหาก

ความรู้สึกอคติและแบ่งแยกของพี่น้องพุทธต่อพี่น้องมุสลิม คือรากฐานอันสำคัญยิ่งของการแบ่งแยกดินแดน การเหมารวมและสบถด่าอย่างไม่แยกแยะคือเชื้อไฟอันดีที่ฝ่ายก่อเหตุต้องการ ความรู้สึกที่ไม่ดี ที่แบ่งพวก ที่ชิงชังระหว่างพุทธมุสลิมคือเป้าหมายของการยิงพระสงฆ์ในทุกครั้ง เราจึงต้องไม่เดินตกหลุมที่ถูกขุดเอาไว้

พี่น้องมุสลิมร้อยละ 99 เป็นคนดี มีวิถีชีวิตที่ดิ้นรนจากสภาพเศรษฐกิจสังคมที่บีบรัด มีความเคร่งครัดในวิถีศาสนาที่เขาศรัทธา ใจดีมีรอยยิ้ม มีน้ำใจ รักสันติ มีเพียงส่วนน้อยมากเท่านั้นที่สร้างสถานการณ์

คนไทยจึงต้องไม่เดินตกหลุม เพิ่มเชื้อไฟสงครามความรู้สึก กรณีเหตุยิงพระสงฆ์ที่สุไหงปาดี