นักร้องนำวงร็อค เจอชายเข้ามาต่อว่าในร้านอาหาร

เกิดเหตุนักร้องนำวงร็อค T-ded เจ้าของซิงเกิล ทำตามหัวใจ เตรียมเข้าแจ้งความที่ สน.โคกคราม หลังพาแฟนสาวไปทานอาหาร แต่สุดซวยเจอ #อดีตผู้ต้องขัง#เพิ่งพ้นโทษ มานั่งโต๊ะข้างๆ ก่อนตรงมาทำร้ายร่างกายไร้เหตุผลจนสาหัสหน้าหวิดเสียโฉม เมียคนร้ายมาขอโทษ อ้าง "ผัวเครียดหลังปล่อยตัวไม่มีงานทำ"

 

 

โดยทางเฟซบุ๊ก เขม ธิติกุลศิริ โพสต์ขอความเป็นธรรม ระบุว่า #ขอความเป็นธรรมด้วยครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 15.00 (26 มิ.ย.62) ผมได้ขับรถพาแฟนไปทานข้าวที่ร้านครกไม้ไทยลาว สาขา2 พอถึงร้านก็นั่งสั่งอาหาร อาหารยังไม่ทันเสร็จเลย ได้มีกลุ่มคนสี่คน โต๊ะใกล้ๆ ดื่มเหล้ากันอยู่ ไม่มีเคยมีเรื่องกันก่อนไม่มีการมีปากเสียงกันเลย อยู่ดีๆก็เดินมาที่โต๊ะผมแล้วใช้แก้วทุบ แล้วเอามาทุบที่หน้าผม ตอนไม่ทันระวังตัว

 

 

จากนั้นผมเลยถีบมันล้ม แล้วมันลุกขึ้นมาจะเอาปากฉลามแทงผม ผมเลยต่อยมันเพื่อป้องกันตัว และก็ชุลมุนกันจนมันยังจะไปมีเรื่องกับพี่ๆโต๊ะอื่นอีกด้วย มันพยามยามจะหยิบขวดโต๊ะพี่เขามาฟาดผม สุดท้ายจนแฟนแจ้งตำรวจมาที่เกิดเหตุ แต่เสียเลือดมาก แฟนเลยพาไปทำแผลที่คลินิก ส่วนทางนั้นไอ้เวรนั่นคงไปคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและคงแก้ตัว #ตำรวจปล่อยตัวไปเฉย ผมกลัวเจ้าหน้าที่จะให้เป็นแค่ #เรื่องทะเลาะวิวาท เพราะผมไม่ผิด

 

 

ตำรวจบอกให้ผมไปเอาใบรับรองแพทย์แล้วค่อยไปแจ้งความ ทางหลักฐานกล้องวงจรปิดหรือพยานผมต้องหาเองทั้งหมด นี่แหละเมืองไทย แต่ต้องขอบคุณญาติที่เป็นตำรวจและเพื่อนพ้องที่รู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะเดินเรื่องให้ผม ขอความเป็นธรรมด้วยครับ ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดอย่าให้ต้องใช้ศาลเตี้ยเลย

 

 

ปล.เมียมันมีการมาร้องไห้ขอโทษบอก #ผัวหนูผิดเอง #หนูจะเป็นพยานให้เอง #ผัวหนูเพิ่งออกมาจากคุก เครียดๆไม่มีงานทำ #เมาเลยพูดว่าอยากหาเรื่องตีคน คนแบบนี้ก็มีด้วย เมียเขามีการอุส่าห์จะนั่งร้องไห้ยังมีกะจิตกะใจจะสั่งเบียร์กินรอ

 

 

ทั้งนี้หลังผู้เสียหายโพสต์ข้อมูล ได้มีผํเข้ามาแสดงความเห็นกันมากมาย รวมทั้งอยากรู้สาเหตุว่า แท้จริงแล้วอะไรเป็นจุดกระตุ้นให้ผู้ก่อเหตุตรงเข้ามาทำร้ายผู้เสียหาย เพราะจากข้อมูลที่ปรากฎยังไม่ชัดเจนมากนัก ขณะที่ @เขม ธิติกุลศิริ เป็นนักน้องนำวงร็อก T-ded (ทีเด็ด) มีผลงานซิงเกิลบน youtube #เพลงทำตามหัวใจ ในสังกัดค่าย #ผาแดงเรคคอร์ดโดยประมาณ 10.00 น. วันนี้ เจ้าตัวจะไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.โคกคราม

 

 

ขอบคุณ : รถตระเวนข่าว V.2