แพทย์เตือน กิ้งกือ บางสายพันธุ์มีพิษร้าย สามารถพ่นออกไปได้ไกล แค่สัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆก็มองข้ามไม่ได้

สืบเนื่องจากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสองแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งทางด้านลูกสาวมีแผลพกช้ำบริเวณเท้า เนื่องจากมีกิ้งกือ แอบเข้าไปอยู่ในรองเท้า และได้สวมใส่เข้าไปโดยไม่ทันได้รู้ตัว ก่อนจะต้องรีบพาหนูน้อยเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลเป็นการด่วน

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์ข้อความระบุว่า "กิ้งกือ แอบนอนอยู่ในรองเท้า ฝากเป็นอุทาหรณ์ แม่ๆที่มีลูกเล็ก แล้วใส่รองเท้าผ้าใบ อย่ามองข้ามสัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆนะคะ มันแอบอยู่ในรองเท้า ถอดรองเท้าคือตกใจมาก!! นึกว่าไปเหยียบอะไรมา ทั้งถูทั้งล้างก็ไม่ออก เลยไปดูในรองเท้า แม่เจ้า!!!! กิ้งกือ แอบนอนอยู่ในรองเท้า ทำพี่แป้งร่ำทำไมฮ่ะ เกลียดกิ้งกือโว๊ยยยมาโรงพยาบาลก่อน พบแพทย์ด่วน"

เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน อาจพบเห็นกิ้งกือใน สถานที่ต่างๆ จึงขอให้คำแนะนำแก่ประชาชนว่า กิ้งกือไม่ใช่สัตว์อันตราย ไม่กัด แต่มีพิษหากสัมผัสถูกตัว สารพิษของกิ้งกือจะถูกปล่อยออกมาจากบริเวณข้างลำตัว มีฤทธิ์ฆ่าสัตว์เล็กๆ เช่น มด แมลง และหากคนสัมผัสจะทำให้เกิดการอักเสบเป็นผื่นแดง หรือทำให้ตาระคายเคืองในกรณีถูกพิษกิ้งกือเข้าตา

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กิ้งกือบางสายพันธุ์เท่านั้นจะมีต่อมพิษอยู่ตลอดสองข้างลำตัว สามารถฉีดสารพิษพุ่งออกไปได้ไกล พิษของกิ้งกือมีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี สารพิษของกิ้งกือประกอบด้วยสารกลุ่มไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) ฟีนอล (Phenol) กลุ่มเบนโซควินินและไฮโดรควิโนน (Benzoquinones/hydroquinones) อาการพิษของกิ้งกือมีฤทธิ์ทำให้ผิวหนังไหม้ แผลไหม้จะมีอาการปวดอยู่ 2-3 วัน รวมทั้งจะมีอาการระคายเคืองร่วมด้วย และถ้าสารพิษเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบได้

อย่างไรก็ตาม หากถูกพิษของกิ้งกือให้ล้างด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาด ทายาแก้อักเสบ โดยทั่วไปอาการมักจะหายภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากพิษเข้าตาอาจทำให้ตาอักเสบ ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดและรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันที เพื่อป้องกันการอักเสบของตาที่อาจเพิ่มมากขึ้น