ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง หญิงไก่ ไม่มีพฤติกการณ์บังคับค้ามนุษย์หญิง สปป. ลาว

ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง หญิงไก่ ไม่มีพฤติกการณ์บังคับค้ามนุษย์หญิง สปป. ลาว

วันนี้ ( 29 ก.ย.63)  ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ คม.23/62 ที่พนักงานอัยการคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นางมณตา หรือ ไก่ หยกรัตนกาญ อายุ 63ปี เป็นจำเลยในความผิดฐาน ค้ามนุษย์ 

จากกรณีเมื่อระหว่างวันที่13ก.ย.53 -1ก.พ.55 ต่อเนื่องกัน  จำเลยได้ฉ้อฉล หลอกลวงใช้อำนาจครอบงำหญิง สัญชาติลาวอายุ18ปีเศษ โดยชักชวนให้มาทำงานเป็นแม่บ้านหรือคนรับใช้โดยสัญญาจะให้ค่าจ้างเดือนละ 6พันบาท แต่กลับบังคับข่มขืนใจทำงานตั้งแต่เวลา 05.00 น.จนถึงเวลา 02.00น.ของวันรุ่งขึ้น ทุกวันไม่มีวันหยุด โดยจำเลยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างให้ตามที่ตกลงกัน หากผู้เสียหายทำงานไม่ทันใจ หรือไม่ถูกใจ จำเลยจะดุด่าว่ากล่าว
นอกจากนี้จำเลยยังได้ยึดหนังสือเดินทาง(passpot) ของผู้เสียหายไว้ หากผู้เสียหายจะลาออกจะต้องนำเงินจำนวน1แสนบาทมาชดใช้แก่จำเลย ซึ่งเป็นค่าจ่ายเกินจริง อีกทั้งจำเลยยังกลั่นแกล้งผู้เสียหายว่า ลักเอาทรัพย์สินของจำเลยและข่มขู่จะดำเนินคดีอีกด้วย  เหตุเกิดที่คอนโด ย่านประชานิเวศน์  ถ.เทศบาลนิมิตรเหนือ  แขงงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ  โดยจำเลยให้การปฏิเสธ 

ในวันนี้ศาลไม่ได้สั่งเบิกตัวจำเลยมาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เนื่องจาก นางมณตา หรือ “หญิงไก่” ไม่มีความประสงค์ที่จะมาฟังคำพิพากษาที่ศาล จึงขอรับฟังคำตัดสินโดยผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากศาล ไปยัง ทัณฑสถานหญิงกลาง ให้จำเลยได้ฟัง

 

ศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้อง หญิงไก่ ไม่มีพฤติกการณ์บังคับค้ามนุษย์หญิง สปป. ลาว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษจำคุกนางมณตา หรือ หญิงไก่ แล้ว 4 สำนวน รวมโทษจำคุก 19 ปี ในความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ค้ามนุษย์ และแจ้งความเท็จ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ผู้เสียหายสัญชาติ สปป.ลาว เดินทางกลับประเทศเพื่อทำหนังสือเดินทาง ก่อนเดินทางกลับมาทำงานกับจำเลยอีก โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด และตลอดที่อาศัยอยู่กับจำเลยภายในคอนโดฯ ย่านประชานิเวศน์ จำเลยได้ให้เงินใช้ พาไปเที่ยวต่างจังหวัด ตามที่จำเลยได้กล่าวอ้างว่า มีความรักและผูกพันกับผู้เสียหาย ขณะที่การทำงานให้กับจำเลยนั้น เป็นการทำความสะอาดที่พัก ซึ่งมีคนงานอื่นอีกหลายคนร่วมด้วย ทำให้เชื่อว่าไม่เป็นลักษณะงานที่หนัก

ส่วนการที่จำเลยเก็บหนังสือเดินทางของผู้เสียหายไว้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นการช่วยดูแลเอกสารสำคัญของชาวต่างชาติ ไม่ให้สูญหายไป เห็นว่าจำเลยไม่ได้มีพฤติการณ์บังคับใช้แรงงานในลักษณะการค้ามนุษย์  พิพากษายกฟ้องจำเลย