บรรยากาศงานฌาปนกิจ น้องปอย เหยื่อกระสุน แม่ร่ำไห้แทบขาดใจ พ่อวีดีโอคอลส่งลูกสาวทั้งน้ำตาไม่มีแม้โอกาสมาร่วมงาน

จากกรณี  ร.ต.อ.สุเมธ ยิ่งแสวงดี รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.นาโพธิ์ อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุวัยรุ่นยิงกันบนถนนสายบ้านบง-หนองสองหัอง บริเวณบ้านโคกเมฆ ต.บ้านคู่ อ.นาโพธิ์ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุ พบวัยกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5-6 คน กำลังพยายามช่วยเหลือ น.ส.ณัฐนิชา หรือปอย แพนไธสง อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่ง ใน อ.นาโพธิ์ ตรวจสอบกระสุนปืนทราบต่อมาขนาด 9 มม.โดนเข้าด้านหลังตัดขั้วหัวใจ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

 

โดยเพื่อนชายของน้องปอยเล่าว่าขณะกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากงานได้พบกับกลุ่มวัยรุ่นที่เคยไม่พอใจกันและถูกอีกฝ่ายขับรถตามล่าและมีเสียงปืนดังขึ้นก่อนที่น้องปอยจะร้องบอกว่าเหมือนมีอะไรมาโดนหลังจึงรู้ว่าน้องปอยถูกยิง

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธร จ.บุรีรัมย์  ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.นาโพธิ์  ก็ได้ทำการจับกุมหนึ่งในผู้ก่อเหตุใช้อาวุธยิงกลุ่มนักเรียนนักศึกษา จนเป็นเหตุให้น้องปอย นักเรียน ม.4 เสียชีวิตได้แล้ว 1 คน  เป็นวัยรุ่นในพื้นที่ อ.นาโพธิ์ ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบปากคำของเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงสาเหตุ  และสาวหาผู้ร่วมก่อเหตุเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย  พร้อมเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้ก่อเหตุ 

เบื้องต้นกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา  , ยิงปืนในที่สาธารณะ และพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร”   
 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่ผ่านมาทางครอบครัวได้จัดงานฌาปณกิจน้องปอยขึ้น โดยบรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนๆของน้องปอยมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเพื่อนนางรำของน้องมารำฟ้อนหน้าเมรุและเพื่อนร่วมห้องได้นำกีต้าร์มาดีดและร่วมร้องเพลงเพื่อส่งน้องปอยเป็นครั้งสุดท้าย

 

 

ทั้งนี้ทางตัวแทนเจ้าภาพได้กล่าวขอบคุณไปถึงประธานของงานอย่าง ส.ส.โสภณ ซารัมย์ พร้อมมอบกองทุนลูกเติ้ง ให้เจ้าภาพซึ่งก็คือคุณแม่ของน้อง

 

ด้านพ่อของน้องปอยทำได้เพียงวีดีโอคอลมาส่งลูกสาวเนื่องจากอยู่ในระหว่างกักตัวหลังกลับจากทำงานที่ต่างประเทศ โดยพ่อบอกว่าเสียใจมากเพราะได้เจอหน้าลูกสาวครั้งสุดท้ายตอนอายุได้เพียง 12 ปีจากนั้นพ่อได้เดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน สุดท้ายเมื่อกลับมาไทยกลับได้รับข่าวร้ายว่าลูกสาวจากไปแล้ว

 

 

ขอบคุณ วิไล ลิมไธสง