กรมขนส่งทางบก เล็งเพิ่มเบาหวาน-ความดัน-ลมชัก เป็นโรคต้องห้ามทำใบขับขี่ หมดสิทธิ์ขับรถ

วันนี้  28ต.ค.63  นาย ยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยกรณีเว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกฎกระทรวงคมนาคมเรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ  และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับภายใน 120 วัน

วันนี้  28ต.ค.63  นาย ยงยุทธ นาคแดง รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยกรณีเว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกฎกระทรวงคมนาคมเรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ  และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับภายใน 120 วัน หรือภายในประมาณวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 ว่า กฎกระทรวงนี้มีหลักสำคัญ 2 ข้อ คือ การออกใบรับรองแพทย์ประกอบ การขอรับใบอนุญาตขับรถหรือขอใบขับขี่

กรมการขนส่งทางบก กำลังหารือแพทยสภาเพื่อจัดทำรายละเอียดให้สอดรับกับกฎกระทรวง เพื่อกำหนดให้ใบรับรองแพทย์ต้องแสดงว่าไม่มีโรคประจำตัว หรือสภาวะของโรคที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม เห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถหรือมีอาการผิดปกติทางจิต หรือมีโรคที่ไม่เหมาะสมกับการขับรถ  เดิมกรมการขนส่งทางบก กำหนด 5 โรคต้องห้ามได้แก่ 1.โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่น่ารังเกียจแก่สังคม  2.โรควัณโรคในระยะแพร่กระจายเชื้อ 3.โรคเรื้อน 4.โรคพิษสุราเรื้อรัง และ 5.โรคติดยาเสพติดให้โทษ 
 

กำลังพิจารณาเพิ่มโรคต้องห้าม อาทิ โรคลมชัก โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคอารมณ์สองขั้ว ออทิสติก หรือตัวเตี้ยผิดปกติ 90 เซนติเมตร ซึ่งแพทย์ที่ต้องออกใบรับรองแพทย์ต้องเป็นผู้ประเมินสภาพทางด้านร่างกาย ของผู้ขอใบรับรองแพทย์ นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ แพทย์ต้องเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน เพื่อตรวจสอบผู้ขอรับใบรับรองแพทย์ว่า มีโรคประจำตัวหรือเคยเป็นโรคที่เป็นอันตรายต่อการขับรถหรือไม่ เพราะบางครั้ง ผู้มาขอใบรับรองแพทย์อาศัยอยู่หลากหลายแห่ง ทำให้ยากต่อการตรวจสอบเพื่อทำให้การออกใบรับรองแพทย์มีความสมบูรณ์มากที่สุด ไม่เป็นอันตรายขณะขับรถเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน 
 


ทั้งนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ให้ทันภายใน 120 วัน ซึ่งกรณีขอใบรับรองแพทย์นี้จะใช้กับรถทุกประเภทที่มารับใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์รถจักรยานยนต์ และ รถโดยสารสาธารณะ ขณะเดียวกันอาจให้นำใบรับรองแพทย์ ที่แสดงว่าเหมาะสมกับการขับรถอย่างปลอดภัยมาแสดงเพิ่มเติม เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ขอรับใบขับขี่จำนวนหนึ่ง ที่นายทะเบียนพบว่าไม่สมควรจะได้รับใบขับขี่หรือควรต้องทดสอบขับรถใหม่ จึงควรมีฐานอำนาจกฎหมายให้ สามารถตรวจสอบยืนยันความเหมาะสมในการได้รับใบขับขี่อีกครั้ง 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะประเมินความพร้อมด้านร่างกายของผู้ขอต่อใบขับขี่ถ้าสังเกตหรือประเมินแล้วพบว่ามีสภาวะด้านร่างกายไม่พร้อมมีความเสี่ยงต่ออันตรายในการขับรถจะนำบุคคลนั้นไปทดสอบการขับรถเพิ่มเติมจากเดิม การขอต่อใบขับขี่ต้องทดสอบสมรรถทางด้านร่างกายเช่น ตาบอดสี และ เข้าอบรมการขับรถจะต่อใบขับขี่ได้ทันทีนายยงยุทธ กล่าวด้วยว่า  เรื่องการคุมเข้มผู้ประสงค์ขับรถจักรยานยนต์ ที่มีกำลังสูงหรือบิ๊กไบค์ เพื่อออก ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ขนาดใหญ่ที่มีกำลังสูงเครื่องยนต์ 400 ซีซีขึ้นไป โดยเฉพาะ
 

 

 

กรมขนส่งทางบก เล็งเพิ่มเบาหวาน-ความดัน-ลมชัก เป็นโรคต้องห้ามทำใบขับขี่ หมดสิทธิ์ขับรถ

>> Hot Sale ลาซาด้า ยกขบวนสินค้า ลดกระหน่ำทุกรายการ สูงสุด 90% <<