เปิดชื่อสินค้าที่ได้รับผลกระทบ หลังสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP ไทย ยังส่งออกได้แต่ภาษีแพง

สืบเนื่องจากการที่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ของสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะระงับสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าบางรายการของประเทศไทยภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้

สืบเนื่องจากการที่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า  ประธานาธิบดีโดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ของสหรัฐ เปิดเผยในวันศุกร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมาว่า สหรัฐจะระงับสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าบางรายการของประเทศไทยภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (จีเอสพี) โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้

โดยข้อความที่ปธน.ทรัมป์ระบุในจดหมายส่งถึงรัฐสภาสหรัฐ  ระบุว่า “ผมพิจารณาแล้วพบว่า ไทยไม่ได้ให้ความมั่นใจกับสหรัฐว่า ไทยจะเปิดโอกาสให้สหรัฐเข้าถึงตลาดของไทยได้อย่างเท่าเทียมและสมเหตุสมผล ด้วยเหตุนี้ ผมจึงพิจารณาแล้วว่า เป็นการเหมาะสมที่สหรัฐจะระงับ GSP สำหรับสินค้าของประเทศไทย” 
 
ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) เปิดเผยว่า ระบบจีเอสพี ได้ถูกกำหนดขึ้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยอนุญาตให้มีการส่งสินค้าปลอดภาษี 3,500 รายการจากประเทศและเขตแดนกว่า 100 แห่งไปยังสหรัฐ  โดยไทยและสหรัฐเจรจากันมากว่า 2 ปีแล้วเกี่ยวกับประเด็นการเปิดตลาดไทยให้กับสินค้าของสหรัฐ รวมถึงประเด็นการปกป้องสิทธิแรงงานในประเทศไทย


ทั้งนี้ สหรัฐจะตัดจีเอสพีสินค้าไทยมูลค่ารวม 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงหอยบางชนิด, มะม่วง, ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางประเภท 


ด้าน นายกีรติ  รัชโน  อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์  ได้นัดหมายชี้แจงด่วน กรณีดังกล่าว โดยระบุประเด็นว่า  กรณีปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐ  ประกาศระงับ GSP สินค้าไทย 200 รายการ  ในวันที่ 30 ธ.ค. 2563 นี้  เป็นผลจากการที่ประเทศไทยไม่ยอมเปิดตลาดเนื้อหมู และเครื่องในจากสหรัฐฯ  ที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงแรคโตพามีนในการเลี้ยงให้กับสหรัฐ

 

เปิดชื่อสินค้าที่ได้รับผลกระทบ หลังสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP ไทย ยังส่งออกได้แต่ภาษีแพง

อ่านข่าว - เปิดความจริง ปธน.ทรัมป์ สั่งตัดจีเอสพีสินค้าไทย ขู่บังคับนำเข้าเนื้อหมู เลี้ยงด้วยสารอันตราย


นอกจากนี้ นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงว่า การตัดสิทธิดังกล่าวมีจำนวน 231 รายการ เป็นสินค้าที่มีการใช้สิทธิฯ จริงในปี 2562 จำนวน 147 รายการ มูลค่าการนำเข้าประมาณ 604 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.9 หมื่นล้านบาท ) คิดเป็นภาษีที่ต้องกลับไปเสียในอัตราปกติมูลค่าประมาณ 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 600 ล้านบาท)


โดยยังยืนยัน ตัดสิทธิ์ GSP แต่ยังส่งออกเหมือนเดิม แค่ภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งการถูกตัดสิทธิจีเอสพีครั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า สินค้าไทยจะถูกห้ามส่งออกไปสหรัฐฯ ไทยยังส่งออกไปได้ปกติ แต่ต้องเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ หากสินค้าไทยมีการเน้นคุณภาพ มาตรฐาน สร้างการยอมรับ เชื่อว่าแม้ภาษีจะสูงขึ้นแต่คงไม่มีผลต่อการส่งออก และผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะยังต้องการสินค้าไทยเหมือนเดิม

ส่วนสินค้าที่ได้รับผลกระทบ อาทิ อุปกรณ์ชิ้นส่วนยานยนต์และส่วนประกอบ พวงมาลัยรถยนต์ ล้อรถยนต์ กระปุกเกียร์ กรอบโครงสร้างแว่นตาทำด้วยพลาสติก เคมีภัณฑ์ เกลือฟลูออรีน ที่นอนและฟูกทำด้วยยางหรือพลาสติก หลอดและท่อทำด้วยยางวัลแคไนซ์ อะลูมิเนียมเจือแผ่นบาง เป็นต้น

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมพร้อมมาตรการรองรับผลกระทบแล้ว เช่นกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างหลากหลาย อาทิ Online Business Matching สำหรับสินค้าที่มีความต้องการในตลาดสหรัฐฯ และตลาดใหม่ การจัดกิจกรรมส่งเสริมสินค้าไทยในงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯ และตลาดใหม่ การส่งเสริมสินค้าไทยเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยใช้ช่องทาง Cross border e-commerce เข้าสู่ผู้บริโภคในตลาดสหรัฐฯ และตลาดใหม่โดยตรง ซึ่งกระทรวงได้หารือ และทำความเข้าใจกับภาคเอกชนตลอดมา เพื่อเตรียมการรองรับและเน้นในเรื่องกลยุทธ์การตลาดที่ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพมาตรฐานสินค้ามากกว่าการแข่งขันด้านราคา

อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมรวมถึงแจ้งเรื่องผลกระทบที่ได้รับได้ผ่านทางไลน์แอปพลิเคชั่นชื่อบัญชี "GSP_helper" หรือสายด่วน 1385 รวมถึงเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th


 

เปิดชื่อสินค้าที่ได้รับผลกระทบ หลังสหรัฐฯ ตัดสิทธิ์ GSP ไทย ยังส่งออกได้แต่ภาษีแพง