​ศาลยกฟ้อง ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีต ปธ.สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน พร้อมพวก 13ราย คดีฉ้อโกงเงินสหกรณ์ฯ

ศาลอาญารัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกงสหกรณ์ฯยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด หมายเลขดำ อ.3339/2559 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 64 ปี อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จำกัด กับพวกรวม13 คน

วันนี้ (30 มิ.ย.2564) ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาคดีฉ้อโกงสหกรณ์ฯยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด หมายเลขดำ อ.3339/2559 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 64 ปี อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน จำกัด กับพวกรวม13 คนเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกัน ฉ้อโกงประชาชน  อัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดว่า เมื่อระหว่างเดือน ม.ค.2551-2555 พวกจำเลยร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นหรือประชาชน ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริง ซึ่งควรบอกให้ แจ้งแก่ประชาชน ด้วยวิธีการต่างๆ เป็นขั้นตอน ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ และร่วมรู้เห็นการกระทำผิดต่างๆ ร่วมกัน โดยเจตนาทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สำหรับตนเองและผู้อื่น  
 ลาซาด้าแจกคูปองส่วนลด

โดยพวกจำเลยร่วมกันจัดทำสัญญากู้ยืมเงิน ระหว่าง สหกรณ์ฯ ในฐานะ ผู้ให้กู้ กับ สมาชิกสมทบ หรือ ผู้กู้ ซึ่งเป็นนิติบุคคล หรือคณะบุคคลที่ไม่ได้ถือหุ้นในสหกรณ์ฯ  จำนวน 28 ราย รวมเป็นเงินตามสัญญากู้ยืมเงิน ทั้งสิ้น 11,858,440,000 บาท  โดยไม่มีการกู้ยืมเงินกันจริง 

และร่วมกันทำการบันทึกรายการทางการเงิน อันเป็นเท็จ ในการบันทึกรายการรับชำระหนี้เงินกู้ยืมเงินและดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เงินกู้ยืมพิเศษ สมาชิกสมทบ โดยไม่มีการรับชำระหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้เงินกู้ยืมพิเศษสมาชิก สมทบจริง และบันทึกจ่ายเงินให้แก่ลูกหนี้เงินกู้ยืมพิเศษ โดยไม่มีการจ่ายเงินที่กู้ยืมออกจากสหกรณ์ฯ จริง 

ทั้งยังร่วมกันจัดทำใบสำคัญรับชำระเงินลูกหนี้ทดรองจ่ายให้แก่นายศุภชัย จำเลยที่ 1 อันเป็นเท็จ และร่วมกันจัดทำใบสำคัญจ่ายเงินทดรองจ่ายจำเลยที่ 1 อันเป็นเท็จ ร่วมกันทำการบันทึกรายการเกี่ยวกับการจ่ายเงินสดให้ลูกหนี้เงินกู้ยืมพิเศษ ทั้งที่ไม่มีการกู้ยืมเงินและการจ่ายเงินจริง

เพื่อตกแต่งบัญชีของสหกรณ์ฯ  ให้ปรากฏเป็นเท็จว่า สหกรณ์ฯ มีผลการประกอบกิจการ ที่มีผลกำไรสุทธิ โดยทำให้ปรากฏ ในงบการเงิน และงบดุล ของสหกรณ์ฯ โดยนำงบกำไรสุทธิไปแสดงในรายงานประจำปี พ.ศ.2552- พ.ศ.2555  ทั้งที่ความจริงแล้ว การดำเนินการของสหกรณ์เครดิตฯ มีผลประกอบการขาดทุนจำนวนมากตลอดมา

โดยศาลได้อ่านคำพิพากษา ผ่านจอภาพ เนื่องจากขณะนี้นายศุภชัย กับพวกรวม 5 คน  ถูกคุมขัง  ส่วนจำเลยอื่นๆ ที่ได้รับการประกันตัว ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัด โดยศาลพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้ง 13 คน พร้อมให้เหตุผลว่า  ในคดีฉ้อโกงประชาชน จำเลยที่ 1  ได้ถูกดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งศาลตัดสินไปเมื่อปี 2563  และศาลยกฟ้อง 

ส่วนจำเลย ที่ 2-12 โจทก์ฟ้องในข้อหาปลอมสัญญาเงินกู้ และปลอมแปลงเอกสารการเงินพื่อตกแต่งบัญชีของสหกรณ์ฯ ให้ปรากฏเป็นเท็จว่า สหกรณ์ฯ มีผลการประกอบกิจการ ที่มีผลกำไรสุทธิ โดยทำให้ปรากฏ ในงบการเงิน และงบดุล ของสหกรณ์ฯ โดยนำงบกำไรสุทธิไปแสดงในรายงานประจำปี พ.ศ.2552- พ.ศ.2555  นั้น ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผล ว่า โจทก์นำข้อเท็จจริงเดียวกันมาฟ้องดำเนินคดี ทำให้เป็นการดำเนินคดีซ้ำ ส่วนจำเลยที่ 13  ศาลยกฟ้องเช่นกัน 
สำหรับจำเลย ทั้ง 13 คน ประกอบด้วย

นายศุภชัย ศรีศุภอักษร , อดีตประธานฯ
นายมณฑล กันล้อม อดีตกรรมการฯ
นายลภัส โสมคำ 
นางทองพิน กันล้อม อดีตกรรมการฯ
นายณัฐวัฒน์ ปิยพัชร์เมธี อดีต ผจก. 
นายอารีย์ แย้มบุญยิ่ง อดีต ผจก.
น.ส.ศรัณยา มานหมัด อดีตรองฯ 
น.ส.วาริศา เอกชัยจินดาวัฒน์ อดีตกรรมการ
นางจันทร์ฉาย ขันธะหัตถ์ รอง ผจก.
นายธนากร น่าบัณฑิต อดีต จนท.
นายกฤษฎา มีบุญมาก อดีต จนท
นางวันเพ็ญ ยอดดี อดีต ผจก.ฝ่ายการเงิน
นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล อดีตเคยเป็นพระลูกวัดพระธรรมกาย และสึกออกมาทำธุรกิจหลายเมื่อปี 2554 

ส่วนผู้เสียหาย มีจำนวน 2,254 ราย ได้มีการฟ้องแพ่งเพื่อเรียกร้องให้จำเลยชดเชยค่าเสียหายแล้ว ซึ่งทางจำเลยอยู่ระหว่างดำเนินการผ่อนชำระชดใช้ค่าความเสียหาย

 ลาซาด้าแจกโค้ด