วัคซีนโควิดฉีดเด็ก เลือกไม่ได้ หรือ หมดสิทธิ์เลือก

วัคซีนโควิดฉีดเด็ก เลือกไม่ได้ หรือ หมดสิทธิ์เลือก ขนาด ไฟเซอร์ ยังทำเสี่ยงกว่าติดโควิด 6 เท่า

จากที่ก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้มีแนวคิดนโยบายที่จะฉีดวัคซีนให้เด็กนักเรียน เนื่องจากอยากให้กลับมาเปิดเรียนได้ตามปกติ ทว่าการฉีดวัคซีนยังเป็นที่คาใจแก่ผู้ปกครองอย่างมาก เนื่องจาก การเลือกรับวัคซีนโควิด-19 ให้กับลูก ระหว่าง "วัคซีน mRNA" กับ "วัคซีนเชื้อตาย" ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งหมอไทยและ ผลวิจัยจากต่างประเทศ ต่างได้รายงานทั้งผลดีและผลเสีย ของวัคซีนแต่ละชนิด จึงทำให้คนเป็นพ่อแม่ถึงอดกังวลไม่ได้ 

วัคซีน mRNA

อย่างข้อมูลล่าสุดยิ่งทำให้คนเป็นพ่อแม่ที่เลือก วัคซีน Pfizer ถึงกับข้องใจหนักเข้าไปอีก เนื่องจากงานวิจัยสหรัฐอเมริกาล่าสุดได้รายงานว่า หัวใจผิดปกติในเด็กชาย หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์ พุ่งสูงมากเกินขีดยอมรับได้ (162.2 คน ใน 1 ล้านคน) "เสี่ยงจากวัคซีน" มากกว่าเสี่ยงป่วยจากโควิด 4 - 6 เท่า ย้ำให้เห็นเข้าไปอีกว่า โทษของวัคซีนมากกว่าประโยชน์

 

ตามรายงานได้สรุปถึงผลการทดลองในเด็กสุขภาพดี ปรากฏว่า อัตราการเกิดอาการโรค "กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ" และ "โรคเยื่อหุ้มหัวใจ" หลังการฉีดวัคซีน Pfizer 2 เข็ม มีรายละเอียดดังนี้ 

- เด็กชาย
อายุ 12-15 ปี อยู่ที่ 162.2 คน ใน 1 ล้านคน 
อายุ 16-17 ปี อยู่ที่ 94 คน ใน 1 ล้านคน

- เด็กหญิง
อายุ 12-15 ปี อยู่ที่ 13.4 คน ใน 1 ล้านคน 
อายุ 16-17 ปี อยู่ที่ 13 คน ใน 1 ล้านคน
 

ฉีดวัคซีน

จากการรายงานผลการศึกษาล่าสุด ของ ดร.เทรซี่ ฮีก (Tracy Hoeg) จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า จากการวิเคราะห์อาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนโควิดให้กับกลุ่มเด็กอายุ 12 - 17 ปี ในสหรัฐอเมริกาช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 พบว่า อัตราการเกิดอาการโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และโรคเยื่อหุ้มหัวใจ หลังการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม ในกลุ่มเด็กชายอายุ 12 - 15 ปี ที่มีสุขภาพดี อยู่ที่ประมาณ 162.2 คน ใน 1 ล้านคน ในขณะที่ กลุ่มเด็กชายสุขภาพดี อายุระหว่าง 16 - 17 ปี อยู่ที่อัตราส่วน 94 คน ใน 1 ล้านคน และในอัตราส่วนที่เท่าๆ กัน 


ขณะเดียวกันกลุ่มเด็กหญิง อายุ 12 - 15 ปี ที่มีสุขภาพดี จะอยู่ที่ 13.4 คน ใน 1 ล้านคน ส่วนเด็กหญิง อายุระหว่าง 16 - 17 ปี จะอยู่ที่ 13 คน ใน 1 ล้านคน ขณะที่ อัตราการติดเชื้อในสหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีสุขภาพดี อาจจะติดเชื้อโควิค จนต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในอีก 120 วันข้างหน้า (หลังผลรายงานวิจัยชิ้นนี้) อยู่ที่ประมาณ 44 คน ต่อ 1 ล้านคน

วัคซีนโควิด

 
อีกทั้ง รายงานดังกล่าวยังพบว่า กลุ่มเด็กชายอายุ 12-15 ปี ที่ไม่มีโรคประจำตัว มีโอกาสที่จะเกิดอาการ โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และ โรคเยื่อหุ้มหัวใจ หลังได้รับวัคซีนแบบ mRNA ครบ 2 เข็มมากกว่าโอกาสที่จะมีอาการเจ็บป่วย จนเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จากการติดเชื้อโควิค มากถึง 4 - 6 เท่า ในช่วงระยะเวลานับจาก 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเด็กส่วนใหญ่ที่เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่พบได้ยากนี้ จะเกิดอาการภายในไม่กี่วัน หลังได้รับวัคซีน mRNA เข็มที่ 2 และในจำนวนนี้ ซึ่งเกือบ 86% เป็นเด็กชาย ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล
โปรโมชั่นพิเศษลาซาด้า


ดังนั้นจึงสอดรับกับข้อมูลที่ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ที่เคยอธิบายว่า การเลือกวัคซีนให้เด็ก ความปลอดภัยสำคัญที่สุด ฉะนั้นวัคซีนชนิด mRNA ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย แต่การเกิด โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ กลับพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย และผลกระทบ จะเกิดขึ้นในระยะยาว เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ 

 

เมื่อมีฝ่ายค้าน ก็ต้องมีฝ่ายที่เห็นด้วย เมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังคงยืนยันว่า "วัคซีนไฟเซอร์" มีความปลอดภัย มีข้อมูลวิชาการรองรับ แต่การฉีดในเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต้องให้ผู้ปกครองยินยอม ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจ และไม่ได้นำมาเป็นข้อจำกัดไม่ให้เด็กไปโรงเรียน โดย "วัคซีนไฟเซอร์" ล็อตแรก จะมาถึงวันที่ 29 กันยายนนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลดังกล่าวของวัคซีน ซึ่งจากนี้ไปก็คงขึ้นอยู่กับพ่อแม่และผู้ปกครองของน้องๆ หนูๆ ที่ต้องจะใช้วิจารณญาณ ในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับลูกหลานของตัวเอง ซึ่งก็ไม่รู้ว่า วัคซีนที่เลือกใช้ เป็นวัคซีนที่ เลือกไม่ได้ หรือ ไม่มีสิทธิเลือก กันแน่

โควิด 19
ข้อมูลจาก คมชัดลึก ออนไลน์

โปรโมชั่นพิเศษลาซาด้า