พ่อค้าไก่ย่างเอาคืน "เจ๊มุ้ย" ปรักปรำว่าฉกเพชรจนติดคุกฟรีกว่า 7 เดือน 10 วัน และเรียกค่าเสียหายถึง 15 ล้าน สุดท้ายฟ้องกลับจนเจ้าของร้านเพชรถูกตัดสินจำคุกเอง 3 ปี ไม่รอลงอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่  20 ม.ค. 2565 "ศาลอาญาธนบุรี สั่งจำคุก เจ้าของร้านเพชร เบิกความเท็จปรักปรำพ่อค้าไก่ย่างฉกเพชรจนตกเป็นแพะ" หลังจากที่ก่อนหน้านี้เจ้าของร้านเพชรใส่ความพ่อค้าไก่ย่างฉกเพชรจนติดคุกฟรี 7 เดือน 10 วัน ก่อนภรรยารวบรวมหลักฐานร้องขอความยุติธรรมกับกระทรวงยุติธรรมให้ช่วยเหลือจนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของสามีได้

พ่อค้าไก่ย่างเอาคืน "เจ๊มุ้ย" ปรักปรำว่าฉกเพชรจนติดคุกฟรี

ที่ ศาลอาญาธนบุรี ศาลมีคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.1150/2562 ที่ นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.บุญญรัตน์ รัศมีสุขานนท์ จำเลยที่ 1 บริษัท กาแล็คซี่ไดมอนด์ จำกัด

จำเลยที่ 2 นายดีวัง กุมาร ชีวันทิลาล ซังกาวี

จำเลยที่ 3 นางประยอม ตันสถาพร

จำเลยที่ 4 ในความผิดฐานนำความเท็จฟ้องผู้อื่น ฯ และเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 175, 177 

พฤติการณ์ฟ้องสรุปว่า เมื่อเดือน เม.ย.2560 พนักงานอัยการ ยื่นฟ้องโจทก์คดีนี้ เป็นจำเลยต่อศาลอาญาธนบุรี ในข้อหาวิ่งราวทรัพย์และหน่วงเหนี่ยวกักขัง จากที่เกิดเหตุมีคนร้ายคือนายแดง วิ่งราวทรัพย์แหวนเพชร 4 รายการของจำเลยที่ 1 ซึ่งประกอบอาชีพขายเพชรที่นำไปขายให้นายแดงที่บ้านแห่งหนึ่ง ย่านภาษีเจริญ โดยเมื่อเกิดเหตุคนร้ายได้วิ่งหนีพร้อมถาดแหวนเพชรโดยจำเลยที่ 1 ถูกขังอยู่ในบ้านพักดังกล่าว ภายหลังเมื่อมีการแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจได้ส่งรูปบัตรประชาชนของโจทก์ที่เคยใช้สำหรับเปิดใช้มือถือ ให้จำเลยที่ 1 ดูแล้วแจ้งว่าโจทก์คือนายแดง

และได้มีการสอบจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นแม่บ้านเป็นพยาน โดยเมื่อเดือน ก.ค.60 จำเลยที่ 1 ขอเข้าเป็นโจทกก์ร่วมคดีดังกล่าว และบริษัทจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 มอบอำนาจจำเลยที่ 1 ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมด้วย ซึ่งภายหลังจำเลยที่ 1 และที่ 4 ได้เข้าการเบิกความคดีดังกล่าว โดยการเบิกความนั้นเป็นเท็จ ปรักปรำให้โจทก์ต้องได้รับโทษทางอาญา

โดยชั้นตรวจฟ้อง ศาลมีคำสั่งรับฟ้องเฉพาะข้อหาเบิกความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา 177 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 ส่วนข้อหาอื่นให้ยก และยกฟ้องจำเลยที่ 2-3 ขณะที่ชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้วเห็นว่าคดีมีมูล จึงให้ประทับฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 4 ในข้อหาเบิกความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา 177 ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 1 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ

 

พ่อค้าไก่ย่างเอาคืน "เจ๊มุ้ย" ปรักปรำว่าฉกเพชรจนติดคุกฟรี

 

ขณะที่ คำพิพากษาสรุปว่า พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ จำเลยที่ 1 และที่ 4 แล้ว การที่จะเบิกความเท็จ ตาม ป.อ.มาตรา 177 ผู้กระทำจะต้องกระทำโดยเจตนาคือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที่นำมาเบิกความนั้นเป็นเท็จ

โดยจำเลยที่ 1 เบิกความเป็นพยานในคดีดังกล่าวซึ่งยืนยันว่าโจทก์คือนายแดงคนร้ายที่วิ่งราวทรัพย์ โดยรู้อยู่แล้วว่าโจทก์ไม่ใช่นายแดง ซึ่งคำเบิกความดังกล่าวหากศาลฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ 1 เบิกความจะมีผลให้ได้รับโทษจึงเป็นข้อสำคัญในคดี จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตาม มาตรา 177 วรรคสอง 

 

พ่อค้าไก่ย่างเอาคืน "เจ๊มุ้ย" ปรักปรำว่าฉกเพชรจนติดคุกฟรี

สำหรับจำเลยที่ 4 ไม่ปรากฏว่าเคยพบกับนายแดงมาก่อนเกิดเหตุ อีกทั้งในวันเกิดเหตุได้พบกับคนร้าย 2 ครั้งแต่ละครั้งใช้เวลาไม่นาน และเมื่อมีการวัดความสูงเปรียบเทียบโจทก์กับคนร้าย ภายหลังจำเลยที่ 4 จึงเบิกความใหม่ว่าโจทก์ไม่ใช่คนร้าย เมื่อไม่ปรากฏเหตุจูงใจที่จะทำให้เห็นได้จำเลยที่ 4 มีเจตนาเบิกความอันเป็นเท็จ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 4 กระทำผิดหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งข้อสงสัยให้ ตามประมวลกฎหมายวิธิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 227 วรรคสอง

 

พ่อค้าไก่ย่างเอาคืน "เจ๊มุ้ย" ปรักปรำว่าฉกเพชรจนติดคุกฟรี

ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 177 วรรคสอง ให้จำคุก 3 ปี และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 

สำหรับ นายพิสิษฐ์ เป็น พ่อค้าขายไก่ย่าง ชาวนครพนม ที่ตกเป็นข่าวโด่งดังถูกกล่าวหาว่าฉกเพชร เมื่อเดือน ธ.ค.2559 จนถูกขังในเรือนจำนานถึง 7 เดือน 10 วัน

กระทั่งต่อมาภรรยาได้เดินทางไปร้องขอความยุติธรรมกับกระทรวงยุติธรรมให้ช่วยเหลือ จนศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง เเละศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เมื่อปี 2561ที่ผ่านมา จนนำมาสู่การฟ้องกลับในครั้งนี้

พ่อค้าไก่ย่างเผย ขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม ตัวเองนั้นหลังออกจากเรือนจำ "เดินหน้าเข้าร้องทุกข์ต่อกระทรวงยุติธรรม สํานักงานตํารวจแห่งชาติ และสื่อมวลชน จนได้รับเงินเยียวยามาประมาณ 180,000 บาท จากการที่ต้องลำบากติดคุกโดยที่ไม่ได้กระทำความผิดนาน 7 เดือน 10 วัน และสามารถฟ้องกลับคู่กรณีได้ในข้อหาให้การเท็จ 

วันนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาคู่กรณี มีความผิดจริงต้องโทษจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา คู่กรณีกำลังยื่นหลักฐานการประกันตัวและจะขออุทธรณ์สู้คดีต่อ ซึ่งผมและทนายความ ก็พร้อมสู้ต่อ เนื่องจากยังไม่ได้เรียกร้องเอาค่าชดเชยทางแพ่ง อย่างไรก็ตาม ในวันที่คู่กรณีดำเนินการเอาผิดกับเราทั้งที่เป็นผู้บริสุทธิ์ เขาเรียกร้องค่าเสียหายสูงถึง 15 ล้าน 8 แสนบาท ทางฝ่ายเราก็จะเรียกร้องเอาค่าชดเชยความเสียหาย ที่ต้องติดคุกฟรีในมูลค่าไม่แตกต่างกัน ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขในใจ ขอปรึกษากับทนายความก่อน"