8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

เปิด8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับกุมคนสนิทของสมเด็จพระวันรัต สอบสวนพบว่ายักยอกทรัพย์กว่า 200 ล้านบาท

  กรณีตำรวจกองบังคับการปราบปราม จับกุมคนสนิทของสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ที่มรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 ต่อมาทางวัดบวรฯได้ออกแถลงการณ์คดีจับคนสนิทสมเด็จพระวันรัต จากการสอบสวนพบว่าคนใกล้ชิดได้ยักยอกทรัพย์กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเป็นสมบัติของวัดบวรนิเวศวิหาร


 คืบหน้าล่าสุด นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ต Paisal Puechmongkol เกี่ยวกับปมฉาว เปิดเบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวร 200 ล้าน

8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

เบื้องลึก8ข้อยักยอกทรัพย์วัดบวร 200 ล้าน
1.เมื่อวานนี้ สื่อมวลชนรายงานข่าวใหญ่ที่ทำให้ตกตะลึงกัน นั่นคือข่าวการที่ตำรวจและ ปปง. เข้าทำการจับกุมและยึดทรัพย์ลูกศิษย์ของสมเด็จพระวันรัต วัดบวรในข้อหายักยอกทรัพย์ เป็นจำนวนมากถึง 200 ล้านบาท

ข่าวดังกล่าวนี้อาจทำให้กระทบต่อเกียรติคุณและความบริสุทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต และอาจกระทบชื่อเสียงของวัดบวรด้วย! ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจเบื้องลึกเบื้องหลังเรื่องนี้

2.ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าจำนวนเงินที่มีการยักยอกรวมถึงทรัพย์สินหลายรายการนั้น ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของเจ้าประคุณสมเด็จ แต่เป็นทรัพย์สินของวัดที่อยู่ในความดูแลของเจ้าพระคุณสมเด็จ

8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

ดังนั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเจ้าพระคุณสมเด็จไม่ได้มีทรัพย์สินส่วนตัวดังที่เป็นข่าว

3.เจ้าประคุณสมเด็จเป็นพระมหาเถระที่เคร่งในพระวินัย ไม่จับต้องเงินทอง

เงินทองทั้งหมดจะเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกร ที่เจ้าประคุณสมเด็จมอบหมายซึ่งเป็นไปตามพระวินัย ดังนั้นบรรดาทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องจึงอยู่ในความครอบครองดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งก็คือผู้ต้องหาในคดีนี้ จึงควรเข้าใจในขั้นนี้ว่า ทรัพย์สินที่มีการกล่าวหาว่ายักยอกนั้น เป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ ซึ่งเป็นไวยาวัจกรเป็นผู้ครอบครองดูแลและจัดการ! การจัดการผิดถูกเป็นเรื่องความรับผิดชอบของไวยาวัจกรนั้น!
8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต


4.จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมด เป็นเรื่องเงินในการก่อสร้างศาสนสถานสำคัญแห่งหนึ่งซึ่งประคุณสมเด็จได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำการก่อสร้าง เพื่อประโยชน์ในพระพุทธศาสนา การก่อสร้างนี้มีวงเงินประมาณ 80 ล้านบาท และเงินดังกล่าวก็อยู่ในความดูแลจัดการของไวยาวัจกร ซึ่งมีหน้าที่จัดการให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ในการก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วง

5.นอกจากเงิน 80,000,000 บาท ดังกล่าวแล้วยังมีวงเงินอีก2-3ยอด ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบูรณะก่อสร้างและค่าใช้จ่ายในกิจการของวัด และอยู่ในหน้าที่ดูแลรับผิดชอบของเจ้าพระคุณสมเด็จ ซึ่งเป็นหน้าที่ของไวยาวัจกรในการครอบครองดูแลรักษาและจัดการให้เป็นไปโดยถูกต้อง

8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

6.ดังนั้นถ้าเงินและทรัพย์สินดังกล่าวถูกจัดการไปโดยไม่ถูกต้องมีการนำไปเป็นประโยชน์ส่วนตนก็ดี เสียหายประการใดๆก็ดี เป็นความรับผิดชอบของไวยาวัจกรซึ่งอาจต้องรับผิดทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งขณะนี้เจ้าพนักงานตำรวจกองปราบฯ***และ ปปง. กำลังดำเนินการและชำระสะสางเรื่องนี้ให้ถูกต้อง

7.ในเบื้องต้นนี้กล่าวได้ว่า วัดบวรก็ดี เจ้าประคุณสมเด็จก็ดี ไม่ได้ทำสิ่งใดผิดหรือเสียหาย กรณีเป็นเรื่องของไวยาวัจกรโดยเฉพาะ ซึ่งเชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจและ ปปง จะสามารถสะสางเรื่องนี้ได้อย่างหมดจดงดงาม เพราะชื่อเสียงเกียรติคุณของวัดบวร และเจ้าประคุณสมเด็จนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คาดว่าเรื่องนี้จะเสร็จสิ้นในไม่ช้า

8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

8.ข้อเท็จจริงที่ยังไม่ชัดเจนก็คือไวยาวัจกรได้ทำบัญชีรับจ่าย เกี่ยวกับการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดตามหน้าที่ที่ต้องทำหรือไม่ และถ้าทำแล้วก็ยังต้องตรวจสอบดูว่าที่ทำนั้นถูกต้องกับความเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งไม่นานก็คงทราบ

ดังนั้นสาธุชนทั้งหลายจึงพึงเข้าใจเรื่องนี้โดยนัยยะที่กล่าวมานี้เถิด

8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

 นอกจากนี้ วัดบวรฯ ได้ออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 2 เม.ย. ระบุว่า ด้วยสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) อดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ถึงแก่มรณกาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค.65 มีการตรวจสอบทรัพย์สินและบัญชีของวัดบวรฯกับของวัดอื่นๆ ที่อยู่ในความดูแลของเจ้าประคุณสมเด็จฯ พบหลักฐานว่า

8เบื้องลึกยักยอกทรัพย์วัดบวรฯ 200 ล้าน หลังจับ"คนใกล้ชิด"สมเด็จพระวันรัต

มีบุคคลกระทำการโดยมิชอบนำทรัพย์สินและเงินในบัญชีของวัดไปเป็นของตนเองโดยทุจริต จึงมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และเจ้าพนักงานตำรวจกองปราบปรามได้กระทำการจับกุมผู้กระทำความผิดไปเรียบร้อยแล้ว คดีอยู่ในระหว่างการฝากขังชั้นสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จึงแถลงมาเพื่อทราบ

cr.
Paisal Puechmongkol