สาวลูกอ่อนเหงื่อตก แบรนด์ยาสีฟันฟ้องเรียก 1.7 ล้าน หลังรีวิวเปรียบเทียบ

สาวลูกอ่อนเหงื่อตก แบรนด์ยาสีฟันฟ้องเรียก 1.7 ล้าน หลังรีวิวเปรียบเทียบ กำลังเป็นประเด็นที่หลายคนกำลังถกเถียงในโลกออนไลน์อย่างมาก เมื่อหญิงสาวรายหนึ่งโพสต์ภาพ ตัวเธอเองที่กำลังอุ้มลูกเล็กพร้อมกับถือหมายศาลที่ถูกแบรนด์ยาสีฟันหนึ่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งเธอได้โพสต์ว่า เธอและครอบครัวใช้ยาสีฟันดังกล่าวมานาน เธอได้รีวิวจริงตามที่เคยใช้ บอกว่าคนในครอบครัวชอบใช้ ฟันขาวดี แต่เธอใช้แล้วแพ้ ก็รีวิวไปตามจริง แต่ถูกแบรนด์ดังกล่าวฟ้อง

 

 

"จะทำไงดี เราเป็นลูกค้าที่โดนเจ้าของยาสีฟัน...ฟ้อง ครอบครัวเราใช้ยาสีฟันยี่ห้อนี้ทั้งบ้าน ครอบครัวเราเป็นลูกค้าเค้ามาตั้งนาน เราได้รีวิวตามจริงที่เคยใช้ ใช้แล้วดีก็บอกว่าดีก็ยังบอกอยู่ว่าคนที่บ้านใช้แล้วชอบ ฟันขาวดี แต่ตัวเราเองที่ใช้แล้วแพ้ ก็รีวิวตามจริงที่บ้านเราใช้กัน แต่อยู่ๆ เจ้าของแบรนด์มาฟ้องเรียกค่าเสียหายเรา 1,700,000 บาท

เราเป็นลูกค้า มาฟ้องเราทำไม เราไม่ได้มีเจตนาไม่ดีกับเค้าเลย เราไม่ได้ด่า ไม่ได้ดิสเครดิตเค้าเลย ยังรีวิวบอกอยู่เลยว่าใช้ดีนะ ฟันขาวดี ที่บ้านเราชอบ เป็นลูกค้าเค้าแท้ๆ รีวิวตามจริงในฐานะผู้บริโภค ทำไมถึงมาฟ้องเราแบบนี้ ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก จะเอาเงินที่ไหนไปให้เค้าตั้ง 1,700,000 เราไม่มีรายได้อะไรเลย 

เพิ่งคลอดลูกด้วย แฟนทำงานอยู่คนเดียว จะกินจะใช้ยังลำบากเลยตอนนี้ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปให้เค้า เราจะทำยังไงดีทุกคน เป็นลูกค้าเค้าแท้ๆ ทำไมถึงมาฟ้องเราแบบนี้ใครก็ได้ช่วยเราที" นั่นทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังย้อนโพสต์ต้นตอ ที่เจ้าของโพสต์ดังกล่าวรับความเสี่ยง มีหลักฐานว่าแพ้ ยืนยันว่า พร้อมขึ้นศาล

โดยโพสต์นี้กลายเป็นที่พูดถึง ซึ่งชาวเน็ตบางส่วนได้ไปเจอ โพสต์รีวิวต้นเรื่อง เป็นการโพสต์ในกลุ่มรีวิวหนึ่งเมื่อพฤศจิกายน 2564 มีการลงรูปยาสีฟัน 3 หลอด 3 ยี่ห้อ พร้อมเล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอใช้ยาสีฟันยี่ห้อที่ 2  (ยี่ห้อที่ฟ้อง) มาตลอด เป็นสิบหลอดแล้ว ฟันขาวขึ้น ลมหายใจสดชื่นแต่อยู่ได้ไม่นานมาก ตื่นมาน้ำลายเหนียวบูด 

 

แล้วเธอเป็นคนแพ้ง่าย แสบปาก รอบปากแดง บางทีพองจนแฟนทักว่าเป็นเริมหรือเปล่า แนะนำให้ไปหาหมอ จนมาอ่านรีวิวมีแต่คนแนะนำให้ใช้ยาสีฟันยี่ห้อที่ 1 (ยี่ห้อดังในท้องตลาด) พอใช้แล้วให้คะแนน 10/10 แม้จะไม่สดชื่นเท่ายาสีฟันยี่ห้อที่ 2 แต่เรื่องกลิ่นปาก น้ำลายเหนียวยี่ห้อที่ 1 เอาอยู่ ไปทำฟันมาหมอฟันชมว่าไม่มาหลายเดือนคราบหินปูนยังไม่เยอะ ไม่แสบปาก ไม่พอง รอบๆ ขอบปากไม่แดงแสบแล้ว เธอจึงหยุดที่ใช้ยี่ห้อที่ 1 ต่อไป เธอมารีวิวให้ฟัง ไม่ได้ขาย เป็นรีวิวจากผู้ใช้จริง

 

จากนั้น มีบางส่วนเข้าไปตักเตือนเจ้าของโพสต์ว่าไม่ควรไปพูดชื่อและลงรูปพาดพิงยาสีฟันยี่ห้ออื่นให้เสียหาย เพราะยาสีฟันแต่ละตัว ก็เหมาะกับสภาพปากของแต่ละคนแตกต่างกันไป ขณะที่บางคนก็ตั้งคำถามว่าอาการแพ้ที่เธอบอกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า รวมทั้งยังมีตัวแทนแบรนด์ B (ยี่ห้อที่ฟ้อง) เข้ามาตอบโต้และเตือนว่าจะเอาเนินคดีเจ้าของโพสต์

ครั้งนั้นทางเจ้าของโพสต์ยืนยันว่า เธอมีสิทธิรีวิวในฐานะผู้บริโภค ไม่ได้บอกว่าอันไหนดี ไม่ดี เพราะดีคนละแบบ ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องมา จะฟ้องเรื่้องอะไรเธอก็อยากรู้ เธอเสียเงินซื้อพอใจที่จะรีวิวแบบเรียลๆ แบบนี้ จะทำไม โดยยืนยันว่าเธอแสบปากจริง และถ่ายคลิปไว้แล้ว แต่จะขอเก็บไว้ใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล ส่วนตัวแทนแบรนด์ B ที่เตือนว่าให้รอรับสายทนายและหมายศาล เธอนั้นรออยู่ ยังไม่มีใครติดต่อมา

 

หลังจากที่เธอถูกแบรนด์ยาสีฟันฟ้องเรียกค่าเสียหาย 1.7 ล้านบาท โลกออนไลน์ได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปกว่า 2 พันครั้ง ทว่ามีความเห็นแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย บางคนก็สงสัยว่าหากเธอนั้นแพ้จริงทำไมจึงเล่าว่าใช้ยาสีฟันยี่ห้อที่ 2 มาแล้ว 10 หลอด อีกทั้งยังไปเปรียบเทียบกัน จนทำให้อีกยี่ห้อเสียหาย มีการคอมเมนต์ท้าทายตัวแทนแบรนด์ ดังนั้นก็เสี่ยงถูกฟ้องได้จริงๆ จากนี้ก็ให้ไปต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งเธออาจจะไม่แพ้คดีก็ได้ รวมทั้งอาจจะเรียกค่าเสียหายจากอาการแพ้เพิ่มเติมได้เช่นกัน

ขณะที่บางส่วนต่างเห็นใจเจ้าของโพสต์ที่รีวิวในฐานะผู้ใช้จริงแต่กลับถูกดำเนินคดี มองว่าแบรนด์ยาสีฟันควรจะเปิดใจรับฟังคำแนะนำแล้วไปปรับปรุงมากกว่า ซึ่งการฟ้องผู้บริโภคจนเป็นดราม่าแบบนี้อาจจะสร้างความเสียหายให้กับแบรนด์มากกว่าหรือไม่

อย่างไรก็ตาม พบว่า เจ้าของแบรนด์ยาสีฟันยี่ห้อที่ 1 เข้ามาคอมเม้นต์ยืนยันว่า ทางแบรนด์ไม่เคยจ้างคนให้ไปรีวิวหรือให้ไปดิสเครดิตแบรนด์อื่น ยินดีให้นำสิ่งที่ตนโพสต์ยืนยันไปใช้ในชั้นศาลได้ พร้อมยืนยันว่าหลังจากนี้ตนจะอยู่กับเจ้าของโพสต์จนสุดปลายทางไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ตนจะซัพพอร์ตเจ้าของโพสต์ให้เอง