รถสองแถวเก็บค่าโดยสารอ้วน - ผอม ไม่เท่ากัน ก่อนเฉลยความจริงที่มาป้ายราคา

รถสองแถวเก็บค่าโดยสารอ้วน - ผอม ไม่เท่ากัน ก่อนเฉลยความจริงที่มาป้ายราคา กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตต่างพูดถึงอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงป้ายค่าโดยสารรถสองแถวคันหนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดนนทบุรี เนื่องจากปกติจะมีการเก็บค่าโดยสาร 8 บาทตลอดสาย แต่คันนี้ดันแตกต่างออกไป ซึ่งทำให้คนที่มีรูปร่างอวบอั๋นถึงขั้นปวดใจ 

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพภายในของรถสองแถวคันดังกล่าวลงในกลุ่ม 'ข่าวนนทบุรี ถึง ชาวนนทบุรี' พร้อมทั้งระบุข้อความว่า "เพิ่งรู้ว่า เดี๋ยวนี้ แค่ขึ้นรถ 2 แถว ก็รู้แล้วว่าตัวเองอ้วนหรือผอม #เก็บแบบนี้จริงดิ มันปวดใจเวลาไม่ได้รับตังค์ทอน (ปล. โพสต์คลายเครียจนะคะ เพราะไม่รู้เขียนจริงหรือเขียนเล่น)"

ข้อความในป้ายที่ผู้โดยสารคนดังกล่าวเจอนั้นระบุว่า "อ้วน 10 บาท ผอม 8 บาท" ซึ่งสามารถแปลความหมายได้อย่างเดียวว่า ผู้ที่มีรูปร่างที่ค่อนข้างใหญ่กว่าปกติจะต้องจ่าย 10 บาท ส่วนผู้ที่มีรูปร่างเล็กจะจ่ายแค่ 8 บาท 

หลังจากที่ข้อความดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ทำให้มีชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกับป้ายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งหลายๆ คนยังบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การคิดราคาในลักษณะแบบนี้ไม่เคยเจอ ผู้ที่เคยขึ้นยังบอกอีกว่า น่าจะมีแค่คันเดียวที่คิดเงินแบบนี้ 

นอกจากนี้ผู้โดยสารคนดังกล่าวยังได้ระบุเพิ่มเติมอีกว่า "กะโพสต์ขำๆ คลายเครียด ไม่คิดว่าจะเป็นกระแส ในส่วนตัว ใช้บริการ 2แถวประจำ ตั้งแต่ ถ้าจำไม่ผิด 4 บาท แล้วก็ขยับขึ้นมาตามราคาต้นทุน และช่วงเวลา ปกติแล้วจะจ่ายเหรียญ10 คนขับก็เตรียมเงินทอนเป็นล็อกๆ ไว้ ยื่นให้เรา 2 บาท 

เราก็จะบอกคนขับว่าไม่ต้องทอนนะคะ ช่วยๆ กัน แต่พอวันนั้นเห็นป้าย ก็รู้สึกขำๆ ว่าแปลกดี ไม่รู้เขียนจริงหรือเล่น แล้วถามตัวเองว่า แบบเราจะจ่ายเท่าไหร่ดี เลยจ่ายลุงไป 10บาทแล้วไม่รอตังทอน กลัวลุงจะบอกว่าอ้วน 10 บาท

เราเลยมองว่าเราน่าจะอ้วนแหละ จ่าย10บาท ไม่ต้องรอให้ลุงบอก ไม่ได้มีเจตนา จะว่า ตำหนิ หรือบูลลี่ใครนะคะ และไม่คิดว่าจะเป็นกระแสขึ้นมา หากท่านใดไม่ถูกใจ หรือทำให้ใครไม่พอใจ ต้องขออภัย อย่างสูง"

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตบางรายได้ออกมาชี้แจงอีกว่า จากการได้สอบถามคนขับรถคันดังกล่าว ถึงได้ทราบว่า มีนักเรียนมาเขียนเล่นเท่านั้น คนขับไม่ได้เป็นคนเขียน

ข้อมูลจากกลุ่ม ข่าวนนทบุรี ถึง ชาวนนทบุรี
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline