หมอไม่ทนฟ้องคนไข้ ให้ญาติบุกกระชากหัวตบ หลังไมพอใจซักประวัติ

หมอไม่ทนฟ้องคนไข้ ให้ญาติบุกกระชากหัว หลังไม่พอใจซักประวัติแม่ พยาบาล ผู้ช่วยฯ มาห้ามก็ไม่ปล่อย แถมด่าจนหมอร้องไห้...

นที่ 18 มกราคม 2567 บนโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวที่เป็นไวรัล ของคุณหมอคนหนึ่ง ที่โดนลูกสาวคนไข้ทำร้ายร่างกาย เพียงเพราะไม่พอใจที่หมอซักประวัติ ถึงขั้นลงไม้ลงมือก่อน หยุมหัวคุณหมอจนคุณหมอขวัญเสีย และสุดท้ายไปจบที่คุณหมอฟ้องศาล

             ทั้งนี้ คุณหมอท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นแพทย์ทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ โดยที่คุณหมอบอกว่า คุณหมอได้เริ่มทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้วันที่ 1 มิถุนายน 2566 และ 3 เดือนต่อมา ในวันที่ 10 กันยายน 2566 ที่คุณหมอได้ออกตรวจผู้ป่วยนอก หรือ OPD คุณหมอเข้างาน 09.00-16.00 น. จนเวลา 15.00 น. คุณหมอพบว่า คนไข้เริ่มซาแล้ว มีแต่เคสเจาะเลือดและรอฟังผล

             อย่างไรก็ตาม ได้มีคนไข้คนหนึ่ง เป็นผู้หญิง มาโรงพยาบาลด้วยอาการเหนื่อย ในระหว่างนั้นคอมพิวเตอร์ของพยาบาลไฟตกพอดี พยาบาลจึงให้คนไข้เข้ามาซักประวัติในห้องตรวจเลย ซึ่งคนไข้คนนี้มาพร้อมลูกสาวอายุ 20 ต้น ๆ ในตอนนั้น ทางพยาบาลก็มากระซิบคุณหมอว่า คนไข้มีอาการทางจิต และคุณหมอก็รับทราบ มองว่าไม่ว่าคนไข้จะมีอาการแบบไหน คุณหมอก็ให้การรักษาไม่แตกต่างกัน

 จากนั้นคุณหมอก็เริ่มซักประวัติ คุณหมอถามชื่อคนไข้ แต่คนไข้ไม่ตอบ และเมื่อถามว่าเป็นอะไร คนไข้ก็บอกว่าเหนื่อย พูดสั้น ๆ ห้วน ๆ ซึ่งคุณหมอเองก็คิดว่า เป็นไปได้หรือเปล่าที่คนไข้จะเหนื่อยเยอะ เลยพูดได้สั้น ๆ ถ้าปกติมาแบบนี้ ทางห้องฉุกเฉินจะฟังปอดว่ามีเสียงผิดปกติไหม ถ้าผิดปกติจะให้พ่นยาเลย ไม่ให้มาแผนกผู้ป่วยนอก และเมื่อดูสัญญาณชีพ ก็เหมือนว่าจะไม่ได้เหนื่อยจากสัญญาณชีพ จึงมีการถามต่อ แต่หมอยังไม่ได้ฟังปอด

             ด้านหมอก็ถามว่า เหนื่อยมาตั้งแต่เมื่อไร ประมาณกี่โมง คนไข้ก็บอกว่าเหนื่อยตั้งแต่เมื่อเช้า แล้วก็เปลี่ยนคำตอบเป็น เหนื่อยตั้งแต่เมื่อคืน หมอก็เลยขอให้เล่าเหตุการณ์ตอนที่เหนื่อย คนไข้ก็บอกว่า จริง ๆ ตนเหนื่อยมาเป็นเดือน แต่ไม่ได้มาโรงพยาบาล เพราะกลัวว่ามาแล้วจะเจอหมอพูดจาแบบนี้

             ด้านหมอเมื่อได้ฟังก็งงและตกใจนิดหน่อย แต่แล้วลูกสาวของคนไข้กลับโพล่งออกมาว่า "เออ ฟังมานานแล้ว มึงเป็นใครมาพูดจากแบบนี้กับแม่กู กูยังไม่พูดเหี้x ๆ แบบนี้กับแม่กูเลย" จนพยาบาลเมื่อได้ยินบทสนทนาก็เดินมาสอบถามว่าเกิดอะไร หมอก็บอกว่าไม่มีอะไร แค่ถามว่าเป็นอะไรมา แต่ทางลูกสาวกลับบอกว่า "ไม่ใช่ เมื่อกี้ไม่ได้พูดแบบนี้ นี่ถ้าถ่ายคลิปได้ถ่ายไปแล้ว จะได้ไปแจ้ง รู้จักกับ ผอ."

ด้านพยาบาลพยายามบอกให้ญาติใจเย็น แต่ญาติไม่ฟัง และด่าหมอว่า "ไม่สนแล้ว ขอสักหน่อยเถอะ เป็นหมอได้ยังไงวะ" ซึ่งทางหมอจำรายละเอียดการด่ามากกว่านั้นไม่ได้เพราะหูดับไปแล้ว จากนั้นลูกสาวก็เข้ามาผลักตัวพยาบาลออก และเอามือจิกหัวคุณหมอจากด้านหลัง หยุมหัวหมอและกระชากไปด้านหลัง หมอก็กลัวจะล้มหงายเลยพยายามขืนหัวมาข้างหน้า แต่ทำไม่ได้มาก และแสบหนังหัว ตอนนั้นสิ่งที่หมอเห็นคือ ผมร่วงบนโต๊ะเยอะมากจนแทบช็อก จนพยาบาลและผู้ช่วยพยายามดึงมือลูกสาวออก เธอก็ไม่ยอมปล่อย และบอกว่าเดี๋ยวไปเสียค่าปรับเอง มะรุมมะตุ้มกันสักพัก จนญาติคนที่รอผลเลือดเข้ามาจึงยอมปล่อย

              จากนั้นพยาบาลก็ล็อกห้องหมอ เรียก รปภ. มาเอาลูกสาวคนนี้ไป แต่ก่อนไปก็ได้ยินเสียงเธอโวยวายอยู่หน้าห้อง จนคุณหมอนั่งร้องไห้ เลยยกคนไข้ที่ต้องรอผลเลือดทั้งหมดให้ ER ช่วยดูต่อ

ในตอนนั้น คุณหมอคิดจะแจ้งความ จึงไปถ่ายรูปแผล ทำแผล จ่ายยา จนเมื่อ ผอ. มา ก็บอกว่าจะแจ้งความ เลยให้นิติกรไปแจ้งความกับตน ตอนนั้นคุณหมอก็ชั่งใจเหมือนกันว่าจะแจ้งความดีไหม เพราะเกรงว่ากฎหมายจะลดโทษให้คนไข้ที่ป่วย แต่อีกใจก็มองว่าตนต้องรักษาสิทธิ์ เพราะไม่อย่างนั้นผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตจะทำแบบไหนกับใครก็ได้อย่างนั้นหรือ และถ้าเขามีอาวุธขึ้นมาจะทำอย่างไร

             คุณหมอตัดสินใจไปแจ้งความ และมีการนัดสอบพยานอีกรอบ คุณพ่อของคุณหมอเมื่อทราบเรื่อง ก็โทร. หาเบอร์ของแม่คู่กรณีตั้งแต่วันแรกที่แจ้งความ แต่แม่คู่กรณีกลับพูดด้วยไม่ดี และหายไปเลย จนทำให้คุณหมอไม่อยากไกล่เกลี่ย และยื่นเรื่องเข้าศาลเลย จนเมื่อเรื่องใหญ่ขึ้น ทางแม่ของคู่กรณีก็ติดต่อมาในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเพื่อขอไกล่เกลี่ย โดยเป็นการโทร. มาที่โรงพยาบาล และไม่เคยแม้แต่จะแสดงความเสียใจ

             จากนั้น คุณหมอก็ได้รับการติดต่อว่าให้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 15 มกราคม 2567 ในระหว่างนั้น ก็มีอาจารย์ เจ้าหน้าที่ เวียนมาให้กำลังใจคุณหมอตลอด และทุกคนสนับสนุนให้ฟ้องร้อง จนวันที่ 15 คุณหมอก็ไปศาล โดยมีคุณพ่อ คุณแม่ ทนาย และอาจารย์ไปด้วย และครั้งนั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนที่คุณหมอได้เจอกับคู่กรณีโดยตรง จากที่เคยมีเฉียด ๆ กันบ้างเพราะคุณหมอทำงานห้องฉุกเฉิน และคู่กรณีก็พาคุณแม่มาห้องฉุกเฉิน 2-3 ครั้งได้

             ด้านศาลแจ้งว่า คนไข้มีความผิดอาญา ฐานทำร้ายร่างกาย หมิ่นประมาทเจ้าพนักงานทำให้เสียชื่อเสียง โดยให้ลงโทษด้วยการปรับ ไม่มีโทษจำคุก และลดค่าปรับกึ่งหนึ่ง ด้านศาลถามคุณหมอว่าจะพอแค่นี้และจะฟ้องแพ่งเพิ่มไหม คุณหมอก็บอกว่าพอแล้ว เพราะนี่ก็เกินกว่าที่คาดไว้เยอะมาก และเขาคงได้รับบทเรียน เพราะดูจากวันที่มาศาล คู่กรณีดูนิ่ง มีสติ รับรู้และเข้าใจเรื่องต่าง ๆ ได้

             สุดท้าย คุณหมอได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า ...อยากฝากทุกคนเลยค่ะ เข้าใจว่าไม่มีใครทำอะไรได้ถูกใจใครไปได้ทั้งหมด บางคำพูดของเราอาจจะไม่ได้เข้าหูคนอื่นไปทั้งหมด แต่การด่ากัน การทำร้ายร่างกายกัน ไม่ได้ส่งผลดีกับใครเลย และไม่รู้ด้วยว่าเมื่อเริ่มแล้วมันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน

หมอไม่ทนฟ้องคนไข้ ให้ญาติบุกกระชากหัวตบ หลังไมพอใจซักประวัติ

             จนทุกวันนี้เรายังระแวงใครจะมาจับผมเราอยู่เลยค่ะ ผมขาดไปตั้งเยอะนะ 55555 นั่นแหละค่ะ ถ้าไม่พอใจการรักษาของแพทย์ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะขอเปลี่ยนแพทย์ได้นะคะ ไม่ต้องกังวลว่าทางโรงพยาบาลจะไม่ให้เปลี่ยนเลยค่ะ เป็นสิทธิ์ของคนไข้ และแพทย์ก็จะยอมรับเรื่องนั้นค่ะ ดีกว่ามา end up ที่เสียอนาคตหรือเสียใครไปค่ะ

            สรุปผลจบการดำเนินการรักษาสิทธิ์ของเราที่ "เราชนะคดีนะคะทุกคน"