มือปริศนาแห้งกรัง โผล่จากฝ้าเพดาน ทำชาวเน็ตหลอนทั้งโซเชียล เจอตอนกลางคืนมีวิ่งป่าราบ ก่อนเฉลยทำห่วงคนในบ้านแทน

มือปริศนาแห้งกรัง โผล่จากฝ้าเพดาน หลอนทั้งโซเชียล เจอกลางคืนมีวิ่งป่าราบ อีกหนึ่งคลิปไวรัลที่ชาวเน็ตกำลังโจษจันอย่างมาก เมื่อผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งได้โพสต์คลิปวิดีโอที่เผยให้เห็นมือปริศนาที่มองผ่านๆ แล้วทำเอาหลอนมากจริงๆ เพราะเมื่อมองๆ ดูช่างเหมือนมือคนที่แห้งกรัง แต่ละนิ้วเรียวยาวแถมยังมีเล็บอีกด้วย 

 

มือปริศนาแห้งกรัง โผล่จากฝ้าเพดาน ทำชาวเน็ตหลอนทั้งโซเชียล เจอตอนกลางคืนมีวิ่งป่าราบ

โดยมือปริศนานั้น โผล่ลงมาจากรอยตกของฝ้าเพดาน เมื่อดูดีๆ แล้วจึงเห็นว่านั่นไม่ใช่มือคนแต่อย่างใด แต่เป็นมือของน้องตัวเงินตัวทองที่ไม่รู้เหมือนกันว่าปีนไปอยู่บนนั้นได้ยังไงและตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ทำเอาหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ถ้าเห็นตอนกลางคืนมีหวังหลอนจนวิ่งกันป่าราบแน่นอน

 

ทั้งนี้ เจ้าของคลิป ยังได้เล่าว่าตนเองกำลังนั่งทำงานอยู่ในบ้าน ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอได้ยินเสียงวิ่งอยู่บนเพดานฝ้าก็นึกว่าหนูมาตลอด ก่อนจะมารู้ความจริงว่าเป็นน้องตัวเงินตัวทองอย่างที่เห็นในคลิป และคาดว่าน้องน่าจะตกใจเหมือนกันเพราะมันค่อยๆ งุ้มเก็บมือและชักแขนหายขึ้นบนฝ้าตามเดิม

 

ตัวเงินตัวทองโผล่จากฝ้าเพดาน "สาเหตุที่น้องขึ้นไปอยู่บนฝ้าได้ก็คาดว่า น่าจะขึ้นมาตามทางช่องปูน ที่ช่างเขาก่ออิฐท่อน้ำเสีย ซึ่งขนาดตัวน้องใหญ่มาก" เจ้าของคลิประบุ

มือปริศนาแห้งกรัง โผล่จากฝ้าเพดาน ทำชาวเน็ตหลอนทั้งโซเชียล เจอตอนกลางคืนมีวิ่งป่าราบ

อีกทั้งเจ้าของคลิปเล่าต่อว่าตอนนี้น้องก็ยังไปๆ มาๆ อยู่บนฝ้าเพดาน บางทีก็ได้ยินเสียงน้องเดิน แต่ตอนนี้ยังจับไม่ได้เพราะน้องไม่ได้ร่วงลงมา ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าน้องไปตรงไหนบ้างบนฝ้า แต่คาดว่าน้องน่าจะมาตามช่องปูนที่ช่างก่ออิฐปิดท่อน้ำเสีย ที่แน่ๆ คือน้องตัวใหญ่มาก คาดว่าน้ำหนักมากกว่า 50 กิโลกรัม


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คลิปดัลงกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ทำเอาหลายคนหวั่นใจกลัวฝ้าถล่ม ขณะที่ทางเจ้าของคลิปก็หวั่นใจไม่แพ้กันเพราะตอนที่กู้ภัยจะมาจับก็ไม่เจอตัวน้อง ตอนนี้ได้แต่ภาวนาเวลาเดินเข้า-ออกบ้าน ขออย่าให้ฝ้าถล่มลงมาเลย เพราะหวั่นในกลัวคนในบ้านจะได้รับอันตราย

มือปริศนาแห้งกรัง โผล่จากฝ้าเพดาน ทำชาวเน็ตหลอนทั้งโซเชียล เจอตอนกลางคืนมีวิ่งป่าราบ
คลิปจาก TikTok @jeejeerussarinwongsuriya
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline