สาวเซ็ง โดนด่าจอดรถซ้อนคัน ไม่ปลดเบรกมือ ที่จริงแค่ใช้หินกัน แต่คดีไม่พลิก

สาวสุดเซ็ง โดนด่าจอดรถซ้อนคัน แต่ไม่ปลดเบรกมือ ที่จริงแค่ใช้หินกัน แต่สุดท้ายคดีไม่พลิก โดนทัวร์ลงยับเต็มๆ !

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อสาวผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวสุดเดือด หลังตนได้จอดรถไว้ แต่เจอคนมาเขียนด่าว่าตน "จอดรถซ้อนคัน" แต่ไม่ยอมปลดเบรกมือไว้ ซึ่งแท้จริงแล้วเจ้าตัวเพียงแค่ให้หินดันล้อไว้เท่านั้น ทำเจ้าตัวไม่พอใจอย่างมากที่โดนด่าแบบนี้ แต่ไม่ยอมดูให้ดีก่อน สุดท้ายโดยทัวร์ลงเองเต็มๆ

 

โดยสาวผู้โพสต์ได้จอดรถภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยเป็นการจอดริมถนน ไม่ได้เข้าซอง เมื่อลงจากรถก็ไปทำธุระส่วนตัว ทว่าพอกลับมาถึงรถในอีกช่วงเวลาหนึ่ง กลับพบว่าที่หน้ารถมีกระดาษของใครบางคนแปะเอาไว้ เขียนไว้ว่า "วันหลัง จอดรถซ้อนคัน รบกวนปลดเบรกมือด้วย รถคันอื่นออกไม่ได้ค่ะ + ลองเข็นแล้ว"

 

สาวเซ็ง โดนด่าจอดรถซ้อนคัน ไม่ปลดเบรกมือ ที่จริงแค่ใช้หินกัน แต่คดีไม่พลิก

ซึ่งเจอแบบนี้เข้าไป เจ้าของรถก็ยอมรับว่างง เพราะเธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้ลืมปลดล็อกเบรกมืออย่างแน่นอน พร้อมกับโพสต์ชี้แจงในกลุ่มลูกช้าง มช. ว่า ถึงคนที่เอากระดาษมาเหน็บ ขอยืนยันว่า เธอไม่ได้ดึงเบรกมืออย่างแน่นอน และใส่เกียร์ว่างด้วย แต่สาเหตุที่คุณเข็นรถไม่ได้ เป็นเพราะเรามีการเอาหินดันล้อหลังเอาไว้ ถ้าเจอแบบนี้รบกวนดูดี ๆ ก่อนนะคะ

 

สาวเซ็ง โดนด่าจอดรถซ้อนคัน ไม่ปลดเบรกมือ ที่จริงแค่ใช้หินกัน แต่คดีไม่พลิก

 

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ชาวเน็ตกลับมองต่างว่า แม้ว่าเธอใส่เกียร์ว่าง แต่อีกฝ่ายเข็นรถไม่ได้เอง เพราะเอาหินดันล้อ ซึ่งบางครั้งคนเข็นเขาก็รีบ เขาไม่มีเวลามาเช็กเรื่องหินดันล้อหรอก เรื่องนี้ควรโทษตัวเองมากกว่าที่ไปจอดรถขวางทำให้คนอื่นลำบาก ส่วนอีกความเห็นก็แย้งว่า เจ้าของรถอาจรู้สึกอับอายที่มีกระดาษแปะหน้ารถ ทำให้โพสต์ออกมาแบบนี้

 

สาวเซ็ง โดนด่าจอดรถซ้อนคัน ไม่ปลดเบรกมือ ที่จริงแค่ใช้หินกัน แต่คดีไม่พลิก

 

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเจ้าของรถโพสต์ขึ้นต้นด้วยการขอโทษเจ้าของกระดาษ ที่ทำให้เดือดร้อนจากการซ้อนคัน แล้วตามด้วยข้อชี้แจงว่า คุณเข้าใจผิดเอง เราไม่ได้ใส่เบรกมืออย่างที่ถูกกล่าวหา แต่เป็นเพราะมีหินดันล้อ ถ้าเขียนแบบนี้ คงไม่โดนทัวร์ลง

 

สาวเซ็ง โดนด่าจอดรถซ้อนคัน ไม่ปลดเบรกมือ ที่จริงแค่ใช้หินกัน แต่คดีไม่พลิก

 

ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Thainewsonline