ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ 72 บาท เหมือนได้เยอะ ก่อนเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง

ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ ราคา 72 บาท รวมค่าส่งเกือบ 100 บาท ดูเหมือนได้เยอะ ก่อนลองเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง!

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์สุดเซ็ง หลังได้สั่งอาหารเมนู "ข้าวหมูกรอบ" ผ่านทานแอปฯ เดลิเวอรี่ ราคา 72 บาท รวมค่าส่งเกือบ 100 บาท ก่อนเห็นของที่ได้ถึงกับอึ้ง เพราะตอนแรกถ่ายรูปมาเหมือนจะได้เยอะ กระทั่งลองเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง

 

 

โดยผู้โพสต์ระบุว่า "เห็นแต่คนเจอร้านให้น้อยๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอด้วย ถ่านสำหรับเทียบขนาดครับ" ซึ่งจะเห็นได้ว่า เจ้าตัวได้สั่ง "ข้าวหมูกรอบ" จากร้านแห่งหนึ่งผ่านทานแอปฯ เดลิเวอรี่ ราคา 72 บาท ค่าส่ง 23 บาท รวมทั้งหมด 95 บาท ก่อนเห็นได้ถึงกับตกใจ เพราะได้ใบปริมาณที่น้อยมาก ยิ่งลองเอาถ่านไฟฉายมาเทียบกันดู ยิ่งเห็นได้ถึงปริมาณที่น้อยจนถึงกับอึ้งเลยทีเดียว
 

 

ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ 72 บาท เหมือนได้เยอะ ก่อนเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง

 

ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ 72 บาท เหมือนได้เยอะ ก่อนเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง

 

ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ 72 บาท เหมือนได้เยอะ ก่อนเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง

 

ทั้งนี้ หลังจากเรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์ออกไป ได้มีชาวเน็ตเข้ามาคอมเมนต์และวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งบางคนมองว่า การสั่งอาหารผ่านไรเดอร์มีความเสี่ยงที่จะได้รับของน้อยอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างมีต้นทุนที่ต้องหักออก แต่สุดท้ายก็มีคนสงสัยอยู่ว่า ในเมื่อลูกค้าเป็นคนจ่ายค่า GP (Gross Profit) ซึ่งเป็นค่าบริการระบบที่ร้านอาหารจ่ายให้กับทางเดลิเวอรี่ในจำนวนหรืออัตราที่แตกต่างกันไป เฉลี่ยอยู่ที่ 30-35% (ไม่รวม Vat) ไปแล้ว ทำไมถึงยังได้ของน้อย ซึ่งคำตอบที่ได้รับคือ ถึงแม้จะคิดค่า GP ไปแล้ว แต่ต้นทุนอย่างอื่นของร้านค้าก็ยังมีอยู่ ซึ่งร้านก็อาจจะหักออกจากอาหารอีก เพื่อให้ได้กำไรนั่นเอง

 

ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ 72 บาท เหมือนได้เยอะ ก่อนเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง

 

ลูกค้าปวดจิต สั่งข้าวหมูกรอบ 72 บาท เหมือนได้เยอะ ก่อนเอาถ่านเทียบดูแค้นแรง