จ่ายวงเงิน 35 ล้าน ประกันตัว หญิงไทย ผู้ต้องหาขับรถชนนศ.อเมริกันเสียชีวิต

ผู้พิพากษาให้วงเงิน 35 ล้าน ประกันตัว หญิงไทยผู้ต้องหาคดีขับรถชนนักศึกษาอเมริกันจนเสียชีวิต แล้วหลบหนีจากที่เกิดเหตุ

จ่ายวงเงิน 35 ล้าน ประกันตัว หญิงไทย ผู้ต้องหาคดีขับรถชนนศ.อเมริกันเสียชีวิต : ความคืบหน้าล่าสุด "หญิงไทยชนนักศึกษาชาวอเมริกันเสียชีวิต" จากกรณีเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศได้มีการนำเสนอข่าวกรณีหญิงไทยในอเมริกาได้ก่อเหตุขับรถยนต์ชนนายเบนจามิน เคเบิล อายุ 22 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 ณ เมืองมิชิแกน สหรัฐอเมริกา แล้วหลบหนีจากที่เกิดเหตุ 

 

จ่ายวงเงิน 35 ล้าน ประกันตัว หญิงไทย ผู้ต้องหาคดีขับรถชนนศ.อเมริกันเสียชีวิต

แฟ้มภาพ

ต่อมาทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นางทับทิม ซู ฮาวสัน อายุ 57 ปี และได้ดำเนินการออกหมายจับ และต้องการประสานทางการไทยเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ล่าสุดมีรายงานเพิ่มเติมว่า นางทับทิม สาวไทยผู้ต้องหาคดีขับรถชนนักศึกษาอเมริกันจนเสียชีวิต ได้ประกันตัวในวงเงิน 1 ล้านดอลลาร์ หรือ ราวๆ 35 ล้านบาท

 


โดย นางทับทิม ซู ฮอวสัน ปรากฏตัวที่ศาลเพื่อรับฟังการพิจารณาคดีครั้งแรกในคดีที่เธอเป็นผู้ขับรถชนนักศึกษาหนุ่มอเมริกันนั้น เธอได้รับอนุญาตจากผู้พิพากษา ลิซา อซาดอเรียน ให้ประกันตัวออกจากเรือนจำได้ด้วยวงเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35 ล้านบาท 

 


แต่เดิม ฝ่ายอัยการรัฐ นำโดยผู้ช่วยอัยการ แอนเดรีย อัจเลานี ร้องขอให้ศาลตั้งวงเงินประกันตัวของ นางทับทิม ที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 171. 5 ล้านบาท โดยอ้างว่า นางทับทิม มีพฤติกรรมเสี่ยงสูงที่หลบหนีออกนอกประเทศทางเครื่องบิน เนื่องจากเธอมีพฤติกรรมหลบหนีข้ามทวีป โดยขึ้นเครื่องบินกลับมายังประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิด หลังจากรู้ตัวว่าก่อเหตุขับรถชนคนจนเสียชีวิต
 

จ่ายวงเงิน 35 ล้าน ประกันตัว หญิงไทย ผู้ต้องหาคดีขับรถชนนศ.อเมริกันเสียชีวิต

 

ด้าน จาลาล ดัลโล ทนายจำเลยโต้แย้งว่าเธอไม่มีพฤติกรรมดังกล่าว จากการที่ นางทับทิม ใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐมากว่าทศวรรษและสมัครใจที่จะเดินทางกลับจากประเทศไทยเพื่อมารับการพิจารณาคดีที่สหรัฐ อีกทั้งทางสำนักงานสืบสวนของรัฐบาลกลางก็ได้ทำการยึดบัตรประจำตัวผู้ขับขี่รถยนต์และพาสปอร์ตทั้งสองฉบับของเธอเอาไว้แล้ว


นอกจากนี้ ดัลโล ยังอ้างว่า สาเหตุที่ นางทับทิม เดินทางกลับไปยังประเทศไทยนั้นเป็นเพราะว่า เธอต้องการความช่วยเหลือและกำลังใจจากสามีของเธอ นางทับทิม เดินทางออกนอกประเทศด้วยความตื่นตระหนกและไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้เดินทางไปยังประเทศไทยเพื่อหลบหนีหรือซ่อนตัว เธอแค่ต้องการการสนับสนุนจากสามี ซึ่งเป็นฝ่ายโน้มน้าวให้เธอกลับมารับโทษ

 

ถ้าหาก นางทับทิม สามารถรวบรวมหลักทรัพย์และประกันตัวออกจากเรือนจำได้ เธอจะต้องโดนกักบริเวณอยู่ในบ้านและต้องสวมเครื่องติดตามตัวที่ระบุตำแหน่งด้วยระบบจีพีเอสตลอดเวลา


นางทับทิม ผู้ซึ่งได้รับสัญชาติอเมริกันและยังคงถือสัญชาติไทยด้วย โดยสารเครื่องบินมายังประเทศไทยในวันที่ 3 ม.ค. 2566 หลังจากที่เธอขับรถชน เบนจาบิน เคเบิล นักศึกษาหนุ่มวัย 22 ปีของมหาวิทยาลัยมิชิแกน เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2566 ตอนรุ่งสาง ระหว่างที่เขาออกจากงานเลี้ยงและกำลังเดินไปตามถนนเพื่อกลับบ้าน

 


อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รถของ ฮอว์สัน ชน เคเบิล เธอไม่ได้ลงจากรถเพื่อตรวจสอบแม้แต่น้อย หากตัดสินใจขับรถกลับบ้าน และหลังจากนั้น เธอก็ซื้อตั๋วเครื่องบินเที่ยวเดียวเพื่อบินกลับมาไทย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยซึ่งได้รับการประสานงานจาก FBI ก็สามารถติดตามตัวเธอได้สำเร็จและเกลี้ยกล่อมให้เธอเดินทางกลับสหรัฐ เพื่อรับการพิจารณาโทษ เมื่อวันที่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา

จ่ายวงเงิน 35 ล้าน ประกันตัว หญิงไทย ผู้ต้องหาคดีขับรถชนนศ.อเมริกันเสียชีวิต

แฟ้มภาพ