วงจรปิด นาทีตำรวจคุมตัว "เป้" ผู้ต้องหาเครือข่ายเว็บการพนันจากบ้านพักไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ก่อนถูกเรียกรับเงิน 140ล้าน


    ภาพวงจรปิดที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีสามารถบันทึกภาพขณะที่ตำรวจชุด ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.) จังหวัดชลบุรี ควบคุมตัวนายเป้ ผู้ต้องหาในคดีเว็บการพนัน เข้าพบกับพลตำรวจตรีกัมพล ลีลาประภาภรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ที่ถูกกล่าวหาว่ามีการเรียกรับเงินจากนายเป้ โดยมีนายต้นและนายบอย เป็นคนต่อรอง และพูดกับนายเป้ว่า "รักผู้การเท่าไหร่ เขียนมา" 
 

เปิดวงจรปิด นาทีตำรวจคุมตัว นายเป้ พบผู้การฯชลบุรี ไม่ส่งตัวไป สน.คันนายาว
    จากภาพกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพขณะนำตัวผู้ต้องหาเข้ามาภายในอาคารบริเวณชั้น 2 ตรงไปที่ห้องทำงานของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ในเวลา 18.51 นาที ของวันที่ 23 พฤษภาคม  ซึ่งเป็นวันเดียวกัน ที่ตำรวจเข้าตรวจค้นจับกลุ่มภายในบ้านพักย่านคลองสามวา และปรากฏภาพเดินออกจากอาคารบริเวณชั้น 1 มีตำรวจคุมตัวนายเป้ สวมเสื้อสีขาว ออกไปจากอาคาร
 


    ซึ่งการเข้าควบคุมตัวนายเป้ ที่บ้านพักย่านคลองสามวา และไม่ได้นำตัวไปส่งพนักงานสอบสวนที่สนคันนายาว ก่อนพบว่านายเป้ถูกนำตัวไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และถูกกล่าวหาว่ามีการเรียกทรัพย์สินภายในห้องทำงานของอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีนั้น พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งอาจเป็นกรณีแรกที่มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังบังคับใช้พรบ. นี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา 

 

   สำหรับบทลงโทษสำหรับตำรวจที่ไม่ทำตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย ในมาตรา 22 เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้รับผิดชอบต้องบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับกุมและควบคุมจนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัวบุคคลดังกล่าวไปเว้นแต่มีเหตุสุดวิสัยที่ไม่สามารถกระทำได้ก็ให้บันทึกเหตุนั้นเป็นหลักฐานบันทึกไว้ในการควบคุมตัว ซึ่งบทกฎหมายในพ.ร.บ.นี้ไม่ได้กำหนดโทษเอาไว้

เปิดวงจรปิด นาทีตำรวจคุมตัว นายเป้ พบผู้การฯชลบุรี ไม่ส่งตัวไป สน.คันนายาว

   แต่ถ้าเจ้าหน้าที่ทำผิดก็จะผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 "ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่1 ปี ถึง 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจาทั้งปรับ เป็นข้อหาเบื้องต้น แต่หากการสอบสวนพบการกระทำความผิดมากกว่านั้นก็ดำเนินคดีดำเนินคดีไปตามพยานหลักฐานและพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ