ราชกิจจาฯประกาศ การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ "พรรคชาติไทยพัฒนา"

ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา ดังนี้

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง เรื่อง การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีความดังต่อไปนี้

 

ราชกิจจาฯประกาศ การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ พรรคชาติไทยพัฒนา

 

ราชกิจจาฯประกาศ การเปลี่ยนแปลงข้อบังคับ พรรคชาติไทยพัฒนา

 

ตามที่นายทะเบียนพรรคการเมืองได้มีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมือง ลงวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๖๕ เรื่อง การเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา มีคณะกรรมการบริหารพรรคชาติไทยพัฒนา จํานวน ๒๑ คน นั้น
บัดนี้ หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาได้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ตามมาตรา ๓๘ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณี ที่ประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ มีมติแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๕ 

ข้อ ๑๗ ข้อ ๒๘ ข้อ ๓๕ ข้อ ๖๑ ข้อ ๖๒ ข้อ ๙๙ ข้อ ๑๐๒ ข้อ ๑๐๓ และข้อ ๑๒๖ ดังนี้ 

ข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖ ด้วยที่ประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๖ พรรคชาติไทยพัฒนา เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๖๖ ได้มีมติแก้ไขข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา ดังนี้ 

ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า "ข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๕ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๖"

ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่พรรคชาติไทยพัฒนาเป็นต้นไป

ข้อ ๓ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑๗ ของข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "ข้อ ๑๗ ความเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ(๑) ตาย(๒) ลาออก โดยยื่นเป็นหนังสือต่อหัวหน้าพรรค (๓) ขาดจากสมาชิกภาพ (๔) อื่นๆ ตามที่กฎหมาย หรือข้อบังคับพรรคกําหนด
 

เมื่อตําแหน่งกรรมการบริหารพรรค ตามข้อ ๑๓ (๓) (๕) (๖) ว่างลงตามวรรคหนึ่ง ให้หัวหน้าพรรคแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งที่เหมาะสมเข้าทําหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว แล้วให้มีการเลือกตั้งแทนตําแหน่งที่ว่างในการประชุมใหญ่ครั้งต่อไป

เมื่อตําแหน่งกรรมการบริหารพรรค ตามข้อ ๑๓ (๒) (๔) (๗) ว่างลงตามวรรคหนึ่ง ให้มีจํานวนกรรมการบริหารพรรคเท่าที่เหลืออยู่ หากจะมีการเลือกตั้งแทนตําแหน่งที่ว่างให้ดําเนินการ
ในที่ประชุมใหญ่ของพรรค กรรมการบริหารพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งแทน ให้มีวาระการดํารงตําแหน่งเท่าที่เหลืออยู่"

ข้อ ๔ ให้ยกเลิกความในข้อ ๒๘ วรรคหนึ่ง ของข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "การจัดตั้งสาขาพรรค เมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคเห็นชอบในหลักการให้จัดตั้งสาขาพรรคแล้ว และในจังหวัดที่คณะกรรมการบริหารพรรคเห็นชอบและมีสมาชิกพรรคที่มีภูมิลําเนาอยู่ในจังหวัดนั้น ตั้งแต่ห้าร้อยคนขึ้นไป สมาชิกพรรคไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยคนต้องจัดประชุมเพื่อดําเนินการเลือกตั้งหัวหน้าสาขาพรรคและกรรมการสาขาพรรค กําหนดสถานที่ตั้งสาขาพรรคและอื่นๆ ให้ผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสาขาพรรคแจ้งผลการประชุมจัดตั้งสาขาพรรค พร้อมส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งรับรองความถูกต้องโดยผู้ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าสาขาพรรคให้หัวหน้าพรรคทราบโดยเร็ว เมื่อหัวหน้าพรรคได้รับแจ้งแล้วเห็นว่า การประชุมจัดตั้งสาขาพรรคเป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคให้จัดทําประกาศจัดตั้งสาขาพรรค และแจ้งการจัดตั้งสาขาพรรคต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ประกาศจัดตั้งสาขาพรรค"

ข้อ ๕ ให้ยกเลิกความใน ๓๕ ของข้อบังคับพรรคชาติไทยพัฒนา พ.ศ. ๒๕๖๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"ข้อ ๓๕ ในจังหวัดใดที่มิได้เป็นที่ตั้งสาขาพรรค ถ้ามีสมาชิกพรรคซึ่งมีภูมิลําเนาอยู่ในจังหวัดนั้นเกินหนึ่งร้อยคน พรรคอาจแต่งตั้งสมาชิกพรรคซึ่งมีภูมิลําเนาอยู่ในจังหวัดนั้น ซึ่งมาจากการเลือกของสมาชิกพรรคเป็นตัวแทนพรรคประจําจังหวัด เพื่อดําเนินกิจกรรมของพรรคในจังหวัดนั้นการได้มาซึ่งตัวแทนพรรคประจําจังหวัด ให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ วิธีการ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารพรรคกําหนด

ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ทําการตัวแทนพรรคประจําจังหวัด ให้ตัวแทนพรรคประจําจังหวัดแจ้งให้หัวหน้าพรรคพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้แจ้งการเปลี่ยนแปลงต่อนายทะเบียน พรรคการเมืองทราบภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่หัวหน้าพรรคเห็นชอบ"


อ่านประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับเต็ม คลิก