พนักงานเก็บเงิน เล่าวินาที ลุง รปภ. ตะเกียกตะกาย ก่อนสิ้นใจบนรถเมล์

ลุง รปภ.วัย 61 ปี ดับสลดบนรถประจำทาง พนักงานเก็บเงิน เล่าวินาที ตะเกียกตะกาย ก่อนสิ้นใจ เร่ง ตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิต

วันที่ 5 กันยายน 2566 เวลา 11.35 น. ร้อยตำรวจโท คณชาญ สวัสดี รอง สว.สอบสวน สน.บางขุนเทียน รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถประจำทาง สาย 120 เป็นชาย 1 ราย อายุ 61 ปี บริเวณใกล้เคียงปากซอยเอกชัย 1 จึง ประสานแพทย์นิติเวชศิริราช และ อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

พนักงานเก็บเงิน เล่าวินาที ลุง รปภ. ตะเกียกตะกาย ก่อนสิ้นใจบนรถประจำทาง

พนักงานเก็บเงิน เล่าวินาที ลุง รปภ. ตะเกียกตะกาย ก่อนสิ้นใจบนรถประจำทาง

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ พบเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในรถประจำทาง สาย 120 ซึ่งเป็นลักษณะรถเมล์ไฟฟ้าปรับอากาศ ยี่ห้อ NEX-MINEBUS สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน 16-7232 กรุงเทพมหานคร หมายเลขข้างรถ 4-21(14) สาย 120 วิ่งจากแยกบ้านแขกมุ่งหน้า สมุทรสาคร จุดเกิดเหตุอยู่บน ถนน เอกชัย ใกล้เคียงซอยเอกชัย 1 แขวง บางขุนเทียน เขต จอมทอง กรุงเทพมหานคร  พบศพชาย 1 ราย บนที่นั่งด้านขวา ในสภาพสวมใส่เสื้อเชิตลายสก๊อตสีน้ำตาล กางเกงขายาวสีน้ำเงิน รองเท้าผ้าใบสีขาว ถุงเท้าสีขาว บริเวณข้างศพผู้ตายพบถุงผ้าสีขาว 1 ใบ ด้านในบันจุ เสื้อ รปภ. พร้อม กางเกงขายาวสีน้ำเงิน 1 ชุด และ ซองยา เงินสด 400 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บัตรประชาชน 1 ใบ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาชื่อ นาย มานะ สื่อสวน อายุ 61 ปี 

 

และจากการสอบถาม นาง เพ็ญศรี ทองประดับ อายุ 67 ปี พนักงานเก็บเงินบนรถประจำทางคันดังกล่าวบอกเล่าว่า เห็นผู้ตายทำท่าตะเกียกตะกายคล้ายเหมือนจะพยายามที่จะปิดแอร์ เมื่อตนเองเห็นแบบนั้นตนเองก็เลยร้องทักว่าลุงจะทำอะไร แต่ก็ไม่มีคำตอบจากผู้ตายแล้วสักพักผู้ตายก็นั่งนิ่งแล้วก็หันมามองหน้าตนก็ถามกลับไปอีกว่าลุงเป็นอะไรหรือเปล่าแก่ก็ไม่บอกแกก็นั่งเฉยตนเองก็เลยคิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรแล้วพอสักพักแกก็ชักเกร็งขึ้นมาแล้วก็นิ่งไปเลย ผู้ตายขึ้นรถมาจากป้ายท่าดอนแดง จะไปลงที่บางบอน ก็เห็นขึ้นรถเป็นประจำแต่ก็ไม่เคยคุยกันเห็นว่าเป็นผู้โดยสารรถธรรมดาเท่านั้น

เบื้องต้นแพทย์นิติเวช พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบสภาพศพแล้วไม่พบล่องลอยของบาดแผล และไม่พบล่องลอยจากการถูกทำร้ายร่างกาย แต่อย่างไรแล้วต้องส่งศพของผู้ตายไปตรวจสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ก่อนที่จะให้ญาตินำเอกสารมารับร่างของผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป