จ่อหมายเรียก "เฮีย ต. และเมีย" ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

ชุดปฏิบัติการ PCT เตรียมออกหมายเรียก "เฮีย ต. และภรรยา" ผู้มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านที่บิ๊กโจ๊กอาศัยอยู่ 5 หลัง มาสอบเส้นทางการเงินว่าโปร่งใสหรือไม่

วันที่ (26 ก.ย. 66) เวลา 11.05 น. ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรม หลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านพักของตน หลังพบมีเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์เมื่อวานนี้ โดยในวันนี้ก็จะขอให้ศาลตรวจสอบว่าการบุกค้นดังกล่าวละเมิดอำนาจศาลหรือไม่

 

จ่อหมายเรียก เฮีย ต. และเมีย ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

จ่อหมายเรียก เฮีย ต. และเมีย ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การขอหมายค้นดังกล่าว เป็นการปกปิดข้อเท็จจริงต่อศาล เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นบ้านของตน แต่ไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านของตน ยอมรับแม้บ้านจะเป็นชื่อญาติของตน แต่การขอหมายค้นจากศาล เพื่อไปจับกุม พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นาย ตร. ติดตาม รอง ผบ.ตร. หรือ สารวัตรนนท์ ลูกน้องของตน ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าสารวัตรนนท์อยู่บ้านตน ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าบ้านหลังนั้นใครอาศัยอยู่ เมื่อบอกข้อเท็จจริงให้ศาลทราบ ศาลก็จะรู้ว่าเป็นบ้านของตน และให้ความเป็นธรรม อาจไม่ออกหมายค้น ซึ่งตอนนี้ตนยังไม่ได้มีคดีการยกโขยงมาค้นบ้านตน เป็นการปกปิดข้อเท็จจริง หลอกให้ศาลไม่รู้ข้อเท็จจริง เพราะการขอหมายค้นต้องมีคำไปเรียนศาล

โดยวันนี้มายื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อศาล เพื่อให้ศาลพิจารณามีคำสั่งไต่สวน เรื่องการละเมิดอำนาจศาลในการออกหมายค้น โดยวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย. 66) ลูกน้องของตน จะมีการไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญากรุงเทพฯ ใต้ เพื่อให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนในทางละเมิดคำสั่งศาล หลอกสารให้มีการออกหมายจับ และหมายค้นในบ้านของตน 

 

จ่อหมายเรียก เฮีย ต. และเมีย ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

 

ชี้แจงในส่วนบ้านทั้งหมด 5 หลัง เป็นชื่อ เฮียแต๋ม ซึ่งเป็นญาติของตน คนละนามสกุล ทำธุรกิจอยู่ที่ จ.อุดร โดยตนมาเช่าอยู่ มีสัญญาเช่า จ่ายค่าเช่าเดือนละ 5 หมื่น แต่ตนพักอยู่แค่ 2 หลัง โดยตนเสนอจะจ่ายมากกว่านี้ เขาไม่เอา บ้านหลังอื่นใช้เก็บของ ไม่ได้อยู่ ทั้งนี้ นำตัวเฮียแต๋มมาสอบปากคำได้เลย เพราะเฮียแต๋มไม่ได้ทำสิ่งผิดกฎหมาย 
 

จ่อหมายเรียก เฮีย ต. และเมีย ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

 

ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปอส.ตร.) หรือ PCT ของ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี(ผบช.กมค.) หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ที่บุกค้นบ้านบิ๊กโจ๊กเมื่อวานนี้เผยว่า บ้านทั้ง 5 หลังในหมู่บ้านที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น มีชื่อผู้ครอบครองเป็นของ "เฮีย ต." และภรรยา ซึ่งเป็นนักธุรกิจใน จ.อุดรธานี โดยซื้อบ้านทั้ง 5 หลังนี้แล้วให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักอาศัย ไม่มีการเก็บค่าเช่า และไม่ได้เข้ามาดูแลบ้านทั้งหมดนี้มานานแล้ว

สำหรับ เฮีย ต. เป็นเจ้าของบริษัทขนส่งรายใหญ่ มีสาขาอยู่ในหลายจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ กิจการมีความรุ่งเรืองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วง 7-8 ปี ที่ผ่านมา และมักจะให้การต้อนรับคณะนายตำรวจที่เดินทางไปราชการในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากการตรวจสอบ ผู้ครอบครองบ้านทั้ง 5 หลัง พบว่าเป็นชื่อของ "เฮีย ต." จำนวน 3 หลัง ที่เป็นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และที่อ้างว่าซื้อไว้ให้พ่ออยู่อีกหลัง ส่วนอีก 2 หลัง เป็นชื่อของภรรยาเฮีย ต. ที่ให้เป็นที่พักของนายตำรวจติดตามที่อยู่ห่างกันประมาณ 100 เมตร

 

จ่อหมายเรียก เฮีย ต. และเมีย ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

 

นอกจากนี้ จากข้อมูลการจ่ายเงินค่าส่วนกลางของหมู่บ้าน ของบ้านทั้ง 5 หลัง ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ถึงเดือนมิถุนายน 2567 นั้น พบว่า "เฮีย ต." เป็นคนโอนเงินเข้ามาจ่ายให้ โดยบ้านพักหลังที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พักอาศัยอยู่ จ่ายค่าส่วนกลางเป็นเงินรวม 62,000 บาท ส่วนหลังอื่นหลังละ 26,000-27,000 บาท ถ้ารวมค่าส่วนกลางทั้ง 5 หลัง เป็นเงินกว่า 142,000 บาท ส่วนการขอใช้ไฟฟ้าของบ้านทั้ง 5 หลัง พบว่าเป็นชื่อของ "เฮีย ต." เป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้าทั้งหมด

 

จ่อหมายเรียก เฮีย ต. และเมีย ญาติบิ๊กโจ๊กสอบปมบ้าน 5 หลัง สาวเส้นทางการเงิน

 

และทางชุดปฏิบัติการ PCT เตรียมออกหมายเรียก "เฮีย ต. และภรรยา" มาให้ข้อมูลถึงการครอบครองบ้านทั้ง 5 หลังในเร็วๆ นี้ และหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ PCT จะตรวจสอบที่มาของเงิน ที่นำมาซื้อบ้านทั้ง 5 หลังนี้ ว่าเป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกกฎหมายหรือไม่ และเหตุใดถึงต้องซื้อแล้วให้บุคคลอื่นมาพักอาศัย พร้อมทั้งจะยื่นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่ามีการรับของเกิน 3,000 บาท จากบุคคลอื่นหรือไม่ ซึ่งหากจำเป็นต้องรับทรัพย์สินมูลค่าสูง ตามกฎหมายแล้วจะต้องแจ้งผู้บังคับบัญชาใน 30 วัน หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท