- 21 พ.ย. 2566
ผู้เสียหายไร้ปันผล - ดอกเบี้ย ร้อง ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จี้สอบ JKN หลังซื้อหุ้นกู้กว่า 3,200 ล้าน หวั่นสูญเงินต้น
ผู้เสียหายไร้ปันผล ดอกเบี้ย ร้อง ทนายจี้สอบ JKN หลังซื้อหุ้นกู้กว่า 3 พันล้าน : ผู้สื่อข่าวไทยนิวส์รายงานว่า วันนี้ (21พ.ย.66) เวลา 11:00 น. ที่ทำการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ตัวแทนผู้ซื้อหุ้นกู้ JKN 13 คน เดินทางเข้าร้องเรียนเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังซื้อหุ้นกู้ของ JKN กว่า 500 คน มูลค่าหุ้นกู้รวมกว่า 3,200 ล้านบาท ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีที่ JKN ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเสนอผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
โดยตัวแทนผู้เสียหายเผยว่า เบื้องต้นผู้เสียหายไม่ทราบสถานะทางการเงินของทาง JKN เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทาง JKN ได้เปิดเผยงบการเงินและปรากฏมีผลกำไร แต่หลังจากที่ JKN ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการและเสนอผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว ทำให้ JKN ไม่มีความสามารถในการชำระทั้งดอกเบี้ยและเงินต้น โดยที่ไม่มีการปรึกษาหรือแจ้งผู้ซื้อหุ้นล่วงหน้า แต่พอยื่นฟื้นฟูทางบริษัทก็ได้รับการคุ้มครองและไม่ต้องชำระอะไรเลย ทางผู้ซื้อเลยเดินทางมาขอคำปรึกษาทนายรณรงค์
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าว กระบวนการกฎหมายล้มละลาย หากมีการยื่นไปที่ศาลแล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ลูกหนี้ได้มีการยื่นแผนและศาลรับไว้ จะเกิดผลทำให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ทั้งหมดไม่ต้องชำระหนี้กัน ส่งผลทำให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นไปแล้วจำนวน 3,000 กว่าล้านยังไม่ได้เงิน ซึ่งอาจจะต้องมีการเฉลี่ยทรัพย์หรือหาวิธีการบริหารจัดการ นั่นคือตามหลักของกฎหมาย
หากเดินหน้าต่อในกระบวนการของศาลล้มละลาย อาจจะต้องเป็นภาระหนักของผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งอาจจะต้องมีการมอบหมายตัวแทนไปดำเนินการที่ศาลล้มละลายเพื่อดำเนินการทำแผนฟื้นฟู แต่นักลงทุนไม่ได้ต้องการแบบนั้น แต่ต้องการเงินกลับมา และต้องการความชัดเจนว่าจะได้รับเงินคืนเมื่อไหร่ การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. อนุมัติให้มีการหุ้นกู้ได้
นักลงทุนมองว่าถ้าหน่วยงานรัฐรับรองมาทำไมจึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า การที่ ก.ล.ต. อนุมัติ ใช้อะไรอนุมัติและชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เบื้องต้นหน่วยงานที่จะต้องตรวจสอบคือ DSI ที่จะต้องไปตรวจสอบว่ามีความผิดปกติหรือไม่ และหากมีความผิดปกติก็จะรายงานมายังผู้เสียหายต่อไป
