เคาะแล้ว ขึ้นค่าไฟ เกือบ 5 บาทต่อหน่วย ประเดิมบิลงวด ม.ค.-เม.ย.67

กกพ. เคาะ ขึ้นค่าไฟ เกือบ 5 บาทต่อหน่วย โดยเป็นการปรับขึ้นค่าเอฟที 89.55 สตางค์ต่อหน่วย มีผลงวดเดือน ม.ค.- เม.ย. 67

   กรณี กกพ.ประกาศขึ้นค่าไฟฟ้า โดย  สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้แจ้งผลการประชุมครั้งที่ 53/2566 (ครั้งที่ 881) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 มีมติรับทราบผลการรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) และมีมติเห็นชอบให้ปรับค่าเอฟทีขายปลีก  สำหรับเรียกเก็บในงวดเดือน ม.ค. - เม.ย. 2567 เท่ากับ 89.55 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 69.07 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.68 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

เคาะแล้ว ขึ้นค่าไฟ เกือบ 5 บาทต่อหน่วย ประเดิมบิลงวด ม.ค.-เม.ย.67    

 สำหรับการขึ้นค่าไฟ  มีรายละเอียดเพิ่มเติม จาก กกพ. คือ  "การพิจารณาปรับค่าเอฟทีในงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 นี้ กกพ. คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้า และขณะเดียวกันต้องไม่กระทบต่อศักยภาพความมั่นคงในการบริการพลังงานของ กฟผ.  โดยเป็นการปรับให้สะท้อนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และคืนต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ กฟผ. รับภาระไว้บางส่วน เพื่อให้ กฟผ. มีสภาพคล่องในการดำเนินงานและชำระคืนเงินกู้เท่าที่จำเป็น”

เคาะแล้ว ขึ้นค่าไฟ เกือบ 5 บาทต่อหน่วย ประเดิมบิลงวด ม.ค.-เม.ย.67

   ทั้งนี้ กกพ. ขอเชิญชวนประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าร่วมกันประหยัด การใช้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าได้ง่ายๆ 5 ป. ได้แก่

  • ปลด หรือถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าลดการใช้ไฟฟ้าเมื่อใช้งานเสร็จ  
  • ปิด หรือดับไฟเมื่อเลิกใช้งาน  
  • ปรับ อุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ที่ 26 องศา
  • เปลี่ยน มาใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟเบอร์ 5
  • ปลูก เพื่อเป็นร่มเงาลดอุณหภูมิให้กับตัวบ้าน จะสามารถช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงราคาแพง