กรมควบคุมโรคเตือนไวรัสซิการะบาดกทม. สตรีมีครรภ์ต้องระวังสูง

กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระวังถูกยุงลายกัด ซึ่งนอกจากมีโอกาสป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว อาจป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทารกศีรษะเล็กและมีพัฒนาการช้า...

วันที่ 5 ม.ค. 67  กรมควบคุมโรค เตือนประชาชนระวังถูกยุงลายกัด ซึ่งนอกจากมีโอกาสป่วยเป็นไข้เลือดออกแล้ว อาจป่วยเป็นโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ทำให้ทารกศีรษะเล็กและมีพัฒนาการช้า เนื่องจากในช่วงปลายปีที่แล้วและต้นปี 67 นี้ พบกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และนักท่องเที่ยวติดเชื้อไวรัสซิกาจำนวนมากกว่าค่าเฉลี่ยปีที่ผ่านมา

 

กรมควบคุมโรคเตือนไวรัสซิการะบาดกทม. สตรีมีครรภ์ต้องระวังสูง

 

ทั้งนี้ ในระยะ 4 สัปดาห์ล่าสุด พบผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกามากที่สุด ในกรุงเทพมหานคร (40 ราย) ตามด้วยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (13 ราย) อีกทั้งยังพบผู้ป่วยในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ที่กลับจากเกาะสมุยจำนวน 3 ราย

 

 

นพ.ธงชัย กีรติหัตยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นฤดูหนาวของประเทศไทย แต่พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีอากาศเย็นมากนัก ยุงลายที่เป็นพาหะนำ 3 โรค ยังสามารถขยายพันธุ์ได้ คือ โรคไข้เลือดออก ปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 153,734 ราย เสียชีวิต 181 ราย โรคปวดข้อยุงลาย พบผู้ป่วย 1,371 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และโรคติดเชื้อไวรัสซิกาในปีที่ผ่านมาพบผู้ป่วย 758 ราย ในจำนวนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ 33 ราย

อย่างไรก็ดี ที่น่าเป็นห่วง คือผู้ป่วยที่กำลังตั้งครรภ์ จะส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมามีความผิดปกติศีรษะเล็ก หรือพิการแต่กำเนิด เป็นภาระของครอบครัว สำหรับโรคนี้มีถิ่นกำเนิดในประเทศแอฟริกาและเคยพบประปรายในประเทศไทยหลายปีก่อน ปีที่ผ่านมามีรายงานพบทารกศีรษะเล็กยืนยันติดเชื้อไวรัสซิกา 13 ราย

นพ.ธงชัย แนะนำวิธีป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกาที่ดีที่สุด คือการป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงลายกัด โดยการนอนในมุ้งหรือห้องที่ติดมุ้งลวด จุดยากันยุง หรือทาโลชั่นกันยุง และเก็บกวาดสถานที่ไม่ให้มีน้ำขังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

 

 

นอกจากนี้ เนื่องจากพบนักท่องเที่ยวป่วย จึงขอแนะนำผู้ประกอบการเจ้าของสถานที่พักแรม เช่น โรงแรม รีสอร์ท ที่รับนักท่องเที่ยวเข้าพัก ควรจัดการที่พักของตนเองให้ปลอดจากยุงลาย  โดยจัดการสิ่งแวดล้อมไม่ให้ยุงลายมีที่วางไข่ กำจัดภาชนะกักเก็บน้ำชนิดต่างๆ รวมไปถึงขยะเศษภาชนะ กล่องโฟม จานรองกระถางต้นไม้ หรือกาบใบไม้ใหญ่ๆ เป็นประจำทุกสัปดาห์รวมทั้งแจกยาทากันยุงชนิดซอง หรือสเปรย์พ่นยุงในห้องพักด้วย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสซิกาส่วนใหญ่ อาการไม่รุนแรง ผู้ติดเชื้อ มีอาการไข้ ร่วมกับผื่นแดงตามร่างกาย ตาแดง ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ หากสงสัย ให้พบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเฉพาะหญิงตั้งครรภ์

ข้อควรปฏิบัติหากพบว่าป่วยเป็นโรคไวรัสซิกา

- ทายากันยุงวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน

- งดเว้นการเดินทางออกนอกพื้นที่เป็นเวลา 14 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดแล้วนำเชื้อไวรัสไปให้คนรอบตัว

- เนื่องจากพบว่าเชื้อไวรัสนี้สามารถอยู่ในสารคัดหลั่งของผู้ชายได้ จึงควรใช้ถุงยางอนามัยเป็นเวลา 3 เดือนหากมีเพศสัมพันธ์