พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งเอาผิดคนขวางขบวนเสด็จ ยึดตามกฎหมาย ลั่นขออารักขาด้วยชีวิต

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีการจับกุมดำเนินคดีกับตะวันและพวกบีบแตรขวางขบวนเสด็จฯ ว่าจากแนวทางการสืบสวนและการตั้งข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาจจะมีผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม แต่ต้องดำเนินการรอบคอบจนกว่าจะมีพยานหลักฐานชัดเจน ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดว่ามีบุคคลใดอยู่เบื้องหลังชัดเจน แต่ย้ำว่าได้กำชับให้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานดูความเชื่อมโยงทุกมิติไม่ต้องเร่งรีบจนทำให้ขบวนการยุติธรรมเสียหาย  

ผบ.ตร. สั่งแล้ว ลั่นถึง กลุ่มคนที่ขวางขบวนเสด็จ

ส่วนที่หลายฝ่ายมีความเห็นต่างในเรื่องดังกล่าวจะทำให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ ผบ.ตร.ยืนยันว่าจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนเพราะตำรวจจะใช้พยานหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเท่านั้น รวมถึงชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงขั้นตอนต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดทางคดีจนถูกสังคมโจมตีได้

ผบ.ตร.กล่าวว่าในส่วนของมาตรการอารักขาดูแลถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จฯ อย่างแรกเรื่องการจัดขบวนอารักขาเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชองครักษ์ ส่วนเรื่องเส้นทางการจราจรเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ซึ่งหน่วยงานทั้งหมดจะมีการประชุมและจะมีการแถลงแผนร่วมกันทุกครั้งที่จะมีขบวนเสด็จฯ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการวิ่งเข้ามาในขบวนเสด็จหรือวิ่งคู่ตัดเข้ามาในขบวนเสด็จ ซึ่งครั้งนี้ประชาชนยังสามารถสัญจรในเลนซ้ายร่วมกัน โดยไม่มีการปิดจราจร อีกทั้งขบวนปิดท้ายขบวนเสด็จฯจะมีการติดตั้งกล้องหลังเพื่อดูความเคลื่อนไหวว่าประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้ ซึ่งในปัจจุปันขบวนเสด็จฯได้มีการปรับให้สอดคล้องกับการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุปันไม่ให้ได้รับผลกระทบ

ผบ.ตร. สั่งแล้ว ลั่นถึง กลุ่มคนที่ขวางขบวนเสด็จ

ทั้งนี้ ผบ.ตร.กล่าวย้ำว่าการถวายความปลอดภัยเป็นหน้าที่สูงสุดของตำรวจต้องทำด้วยชีวิต ส่วนในเรื่องข้อกฎหมายจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากที่สุดเรื่องขบวนเสด็จว่าเป็นเรื่องสำคัญของประเทศเนื่องจากเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน 

ผบ.ตร.ยังย้ำว่าความเห็นต่างสามารถทำได้แต่ต้องไม่แตกแยกแต่ละฝ่ายต้องทำความเข้าใจกัน ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีใครไม่จงรักภักดี ดังนั้นสิ่งสำคัญคือจะทำยังไงให้เข้าใจเรื่องของสถาบันและประวัติศาสตร์ชาติไทย อยากให้ทุกคนเข้าใจและไม่ตกเป็นเครื่องมือของใครโดยเฉพาะการเมือง