ไม่ได้กลัว "หมอเหรียญทอง" เปิดเหตุผลที่อาจล้มเลิกไป ลงสมัคร สว.

"หมอเหรียญทอง" พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยว่า ไม่ใช่โพสต์ดราม่านะครับ ผมอาจจะเลิกล้มการลงสมัคร สว. ไม่ใช่เพราะผมท้อหรือกลัวสอบตกเพราะไม่มีใครเลือกนะครับ

ไม่ใช่โพสต์ดราม่านะครับ ผมอาจจะเลิกล้มการลงสมัคร สว ไม่ใช่เพราะผมท้อหรือกลัวสอบตกเพราะไม่มีใครเลือกนะครับ

แต่ผมมีภารกิจต้องทำอยู่หลายอย่าง ทั้งเครือข่ายคลีนิกปฐมภูมิ มวรร (มูลนิธิ รพ.มงกุฎวัฒนะเพื่อผู้ป่วยโรคร้ายแรง)มากกว่า 20 คลีนิกใน 6 เขตกรุงเทพฯ(เหนือ)สำหรับผู้ป่วยบัตรทอง , ทั้งเครือข่ายศูนย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยาที่จะนำร่องที่เขตประเวศ , ทั้ง รพ.และศูนย์ผู้สูงอายุที่ อ.ปากช่อง นครราชสีมา ยังไม่นับรวมกับการซ่อมแซมปรับปรุงอาคารเก่าอายุ 30 ปีของ รพ.มงกุฎวัฒนะ ทั้งยังต้องรบกับขบวนการที่จ้องหาเรื่องอยู่เป็นระยะๆ

ที่สำคัญ คือ ผมเริ่มรู้สึกเห็นแก่ตัว เห็นแก่ครอบครัว ผม 64 แล้วก็อยากกลับไปใช้ชีวิตสุขนิยมที่ผมเคยมี ไปพักผ่อนริมมหาสมุทรอินเดียที่บ้านของพ่อแม่ที่ เมืองเพิร์ธ รัฐออสเตรเลียตะวันตก ทุกๆ 6 เดือน และติดต่อธุรกิจกับกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ในจีนและประเทศต่างๆ มันเป็นชีวิตที่มีสุขของผม

แต่หากผมเห็นแก่ความสุขส่วนตัว ผมก็รู้สึกเหมือนทอดทิ้งชาติบ้านเมืองดูดายทอดทิ้งสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนเมื่อครั้งที่ผมเพิ่งลาออกจากราชการในระหว่างปี พ.ศ.2550-2556 ทั้งๆที่ผมพูดอยู่เสมอว่าจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จนกว่าชีวิตจะหาไม่

มีเพื่อนๆบอกว่าอย่าเลิกล้มการลงสมัคร สว อย่างน้อยก็ลงสมัคร สว เพื่อไปเลือกผู้สมัคร สว คนอื่นๆที่เป็นคนดี มีความสามารถให้ไปเป็น สว เพราะการคัดเลือก สว จะเกิดขึ้นจากผู้สมัคร สว เลือกกันเองในกลุ่มวิชาชีพ แล้วค่อยไปเลือกไขว้ข้ามวิชาชีพ

ผมเตรียมใบสมัครพร้อมหลักฐานครบถ้วนแล้วล่ะครับ เพียงแค่ไปยื่นใบสมัครก็เสร็จแล้ว หลักฐานการสมัครจะต้องมีประวัติสั้นๆ 5 บรรทัดก็ต้องเขียนบรรยายประวัติที่ดูดีของ 'เหรียญด้านหนึ่ง' ส่วนประวัติบู๊โลดโผนดูเถื่อนนั้นไม่มีพื้นที่ให้เขียนนะครับ

เรื่องราวของผมอย่างกับนิยายหรือภาพยนต์ มีภาพยนต์ฝรั่งหลายเรื่อง พระเอกมีอดีตเป็นนักรบ เกษียณอายุออกมาทำงานเป็นพลเรือน แล้วต้องประสบปัญหากุ๊ยอันธพาลคนร้ายที่มีนักการเมือง นักกฎหมาย สนับสนุนคุ้มครอง พระเอกก็เลยใช้ศักยภาพของการเป็นอดีตนักรบต่อสู้กับกุ๊ยอันธพาลและขบวนการแบบเถื่อนๆ นอกกฎหมาย ...คิดแล้วก็คล้ายเรื่องราวในชีวิตของผมนะครับ เพียงแต่ผมไม่หล่อ เป็นแค่ 'ตาแป๊ะหลักสี่'

ผมไม่ใฝ่ฝันจะเป็นพระเอกนะครับ ผมต้องการเป็นแค่ ผอ.รพ.เอกชนเล็กๆ เพียงแต่ชะตาชีวิตมันต้องเผชิญปัญหากุ๊ยอันธพาลมาเยอะ ทั้ง กุ๊ยหลักสี่ , กุ๊ยบะหมี่โชคชัยสี่ , กุ๊ยร้านค้ารุกล้ำทางเท้าซอยแจ้งวัฒนะสิบสี่ และล่าสุดก็คือ กุ๊ยเฮโรอีนสิบสี่

น้องๆล้อเล่นกับผมว่า "สงสัยพี่เหรียญจะไม่ถูกโฉลกกับคำว่า 'สี่' ดังนั้นจึงมักมีปัญหากับไอ้กุ๊ยที่ลงท้ายด้วยคำว่า 'สี่' แต่ผมตอบน้องๆว่า "ไอ้กุ๊ยลงท้ายด้วยคำว่า 'สี่' มันต้องเจอกับ 'ตาแป๊ะ' ที่ลงท้ายด้วยคำว่า 'สี่' สิวะ มันจึงจะกินกันลง จัดการพวกมันได้ ก็พี่นี่ไง 'ตาแป๊ะหลักสี่' ก็ลงท้ายด้วยคำว่า 'สี่'

ก็พูดตลกสนุกสนานกันไป แต่ที่แน่ๆ น้องๆทั้งหลายบอกผมว่า ผมเป็น ผอ.รพ.ที่เป็น 'ตาแป๊ะ' แต่มีศักยภาพและแสนยานุภาพที่ไม่มี ผอ.รพ.ใด ไม่ว่าจะ รพ.รัฐ หรือ รพ.เอกชน เหมือนผม

ผมตอบกลับไปว่า "กูเป็น ผอ.รพ.บ้าๆโว้ย มันเลยมีอยู่แค่ตัวเดียว" ผอ.รพ.ที่ไหนจะบ้าดีเดือดเหมือนกู ประกาศไล่ผู้ใช้บริการที่เอาแต่ใจ ไม่พอใจไปใช้ รพ.อื่น ไม่ง้อ ไม่สนลูกค้าที่ทำตามอำเภอใจ ประกาศต่อสาธารณะลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า ตบลูกค้ากุ๊ยสูบบุหรี่ จับลูกค้ากุ๊ยสูบบุหรี่มาประจานเอาป้ายแขวนคอแล้วพาเดินประจานทั่ว รพ. จับกุ๊ยสูบบุหรี่ควบเฮโรอีนใน รพ.แก้ผ้าล่อนจ้อนแล้วไล่ออกนอก รพ.จนลือลั่นสนั่นประเทศ จะได้ไม่มีใครสูบบุหรี่หรือสารเสพติดใน รพ.หรือสถานพยาบาลไหนๆอีก โดยเฉพาะ รพ.มงกุฎวัฒนะ

ก็เพราะผมเป็น 'ตาแป๊ะบ้าๆ' เป็น 'ผอ.รพ.บ้าๆที่น่าจะมีอยู่ตัวเดียวในประเทศ' ไง ผมถึงคิดว่าผมอาจจะไม่ลงสมัคร สว เพราะเกิดมีคนบ้าๆลงสมัคร สว แล้วดันบ้าไปเลือกผม แล้วผมเกิดได้เป็น สว.ขึ้นมา ผมจะประพฤติตนอย่างไรดี มันจะเกิด 'สว เถื่อน' ในสภาไหมเนี่ย ผมเคารพสภาอันทรงเกียรติ และด่าไอ้อี สส.ถ่อยสถุลในสภา แล้วหากผมเป็นเสียเอง มันก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง

ดังนั้นผมอาจจะไม่ลงสมัคร สว นะครับ และขอประทานโทษหากการตัดสินใจไม่ลงสมัคร สว นั้นทำให้มิตรรักแฟนคลับผิดหวัง อย่างไรก็ตามผมยังมีเวลาตัดสินใจอีก 1 วัน ถ้าผมตัดสินใจลงสมัคร สว เพื่อไปเลือกคนอื่นๆ หรือเลือกตัวเองก็แล้วแต่ พรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้าย ผมจะไปยื่นใบสมัคร

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา

ผอ.รพ.ที่ไม่มีใครเหมือน

23 พ.ค.67 เวลา 9.24 น.

ภาพ : NationPhoto