- 04 ก.พ. 2568
ตำรวจ ปอท. คุมตัว ผู้กองปอยเปต ตำรวจเก๊ AI แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่งฝากขังศาล เจ้าตัวเดินยิ้มร่าแววตาไม่เป็นกังวล
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 ตำรวจสอบสวนกลาง รวบ "นายร้อยปอยเปต" 2 สมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลมาข่มขู่ผู้เสียหายอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและคดียาเสพติด ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้ามาตรวจสอบมูลค่ากว่า 4 ล้านบาท
โดยได้ร่วมกันจับกุม 2 สมาชิกตำรวจปลอมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนี้
1. นายรามิลฯ อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4557/2567 ลงวันที่ 19 กันยายน 2567พญาไท) ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น" สถานที่จับกุม ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว
2. นายธนาวุฒิฯ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพได้ ที่ จ.153/2568 ลงวันที่ 1 ก.พ. 2568 ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยหลอกในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยการตกลกกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้ที่ได้มีการสมคบกัน สถานที่จับกุม บ้านพัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 ก.พ. 2568 ที่ อาคารพิทักษ์สันติ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พ.ต.อ.ภานุภัท กิตติพันธ์ ผกก.1 บก.ปอท. สั่งการให้ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอท. ทำการเบิกตัว นายธนาวุฒิ กันยาพันธ์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, สมคบฟอกเงิน และ ร่วมกันฟอกเงิน" หนึ่งในผู้ต้องหาแก๊ง "นายร้อยปอยเปต ตำรวจปลอมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ" ออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังนำตัว นายธนาวุฒิ เดินออกจากลิฟต์ เพื่อเตรียมเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่บริเวณด้านหน้าอาคาร เผยให้ภาษากายของ นายธนาวุฒิ ที่ยังคงมีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้มีอาการตึงเครียดหรือวิตกกังวลมากนัก กระทั่งเมื่อเห็นผู้สื่อข่าวที่มาดักรอสัมภาษณ์บริเวณด้านหน้าอาคารจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นเงียบขรึม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากฝากอะไรถึงกลุ่มผู้เสียหายหรือไม่ นายธนาวุฒิ ตอบสั้นๆเพียงว่า "ขอโทษ" ก่อนจะเดินก้มหน้าขึ้นรถออกไปในทันที
ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหายอมรับว่า ตนเองได้แต่งตัวเป็นตำรวจวิดีโอคอลไปหลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย ทั้งนี้ผู้ต้องหาให้การว่า ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตนเองจะมีหน้าที่วิดีโอคอลเพื่อหลอกให้เหยื่อหลงเชื่อ และทำหน้าที่ควบคุมเหยื่อผ่านการวิดีโอคอลในระหว่างการหลอกลวง
โดยเมื่อเหยื่อหลงเชื่อแล้วจะมีคนร้ายที่เรียกว่าสาย 3 ทำหน้าที่ปิดตีล หลอกให้เหยื่อโอนเงินให้ ซึ่งในระหว่างการหลอกลวงจะมีทั้งคนไทยและคนจีนทำหน้าที่เป็นคนควบคุม และคิดสคริปต์ในการหลอกลวงเหยื่อเพื่อให้เป็นไปตามบทที่วางไว้ โดยหากตนไม่ปฏิบัติตาม หรือต่อต้านจะถูกทำร้ายร่างกาย และหากตนสามารถหลอกจนเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินมาให้ได้ ตนจะได้รับส่วนแบ่งจากมูลค่าที่หลอกลวงเหยื่อ