- 05 ก.พ. 2568
เพจดังสวนกลับหลักฐานเด็ดของสาวท้อง 9 เดือน จู่ๆลูกหาย หลังงัดหลักฐานออกมาโชว์ในรายการ แต่ความจริงใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ พร้อมตั้งคำถามปมตะหงิดใจ
จากกรณีเหตุอลเวง สาวท้อง 9 เดือนแต่พอถึงกำหนดคลอด ลูกหายจากท้อง อัลตร้าซาวด์แล้วไม่เจอ ล่าสุดก่อนนัดคลอดหมอบอกลูกแข็งแรง หนัก 3,300 กรัม สุดท้ายใกล้วันนัดคลอด รพ.ปทุมธานี บอกลูกหายไปแล้ว และทางคุณแม่ได้นำหลักฐานเป็นเอกสารต่างๆออกมาชี้แจง ล่าสุดเพจดัง Drama-addict ได้โต้กลับหลักฐานต่างๆที่ทางคุณแม่นำออกมาโชว์ พร้อมตั้งคำถามปมคาใจ
โดยน.ส.รุ่งอรุณ ได้เปิดเผยว่า ตนเริ่มตั้งครรภ์เมื่อเดือน ก.พ.67 ไปตรวจที่คลีนิก แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี โดยคลีนิก ได้ให้สมุดฝากครรภ์มาด้วย ต่อมาเดือน พ.ค.67 ตนได้ย้ายไปฝากครรภ์ที่ รพ.ปทุมธานี เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิบัตรทอง ระหว่างฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล ทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ
ต่อมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีสามีภรรยาร้องเรียนฝากครรภ์โรงพยาบาลปทุมธานีตั้งแต่พฤษภาคม 2567 สุดท้ายไม่พบข้อมูลฝากครรภ์ แต่ตรวจพบอายุครรภ์เพียง 3 เดือน
เบื้องต้น พบประวัติการเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลปทุมธานี 15 ครั้ง โดย 11 ครั้งแรก ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2567 เป็นการมารักษาด้วยอาการป่วยทั่วไป เพิ่งตรวจพบว่าตั้งครรภ์ 13 สัปดาห์ เมื่อเดือนมกราคม 2568 ได้ให้สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
นพ.ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี กล่าวถึงกรณีคู่สามีภรรยาร้องเรียนผ่านเพจดัง ว่ามีการตั้งครรภ์เดือนกุมภาพันธ์ 2567 ตรวจครรภ์ที่คลินิกแล้วย้ายมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลปทุมธานี ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 มาตามแพทย์นัดตลอด จนอายุครรภ์ 7 เดือน แพทย์แจ้งว่าพบถุงน้ำคร่ำอีก 1 ใบ อาจจะตั้งครรภ์ซ้อน
กระทั่งปลายเดือนมกราคม 2568 พบว่าลูกไม่ดิ้นเมื่อมาโรงพยาบาลกลับไม่พบข้อมูลการฝากครรภ์ แต่ตรวจพบอายุครรภ์เพียง 3 เดือน ว่า หลังได้รับทราบเรื่อง ได้มอบหมายให้โรงพยาบาลปทุมธานีทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวทันที
เบื้องต้น ได้รับรายงานจาก นพ.นินนาท มุขดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี ซึ่งทำการตรวจสอบประวัติการรักษาของผู้ร้องเรียน พบว่า ได้มารับบริการตามห้วงเวลาที่ระบุในข่าวทั้งหมด 15 ครั้ง รวมทั้งที่นัดแล้วไม่มารับบริการและไม่รอพบแพทย์ด้วย โดยครั้งที่ 1-11 ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2567 ไม่ได้มาตรวจด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรือการฝากครรภ์แต่อย่างใด
แต่เป็นอาการป่วยทั่วไป เช่น ปวดหลังร้าวลงขา ไข้ ไอ อาเจียน ติดตามโรคคออักเสบ ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย เป็นต้น แพทย์ได้ให้การรักษาในแต่ละครั้งตามอาการที่ป่วย
ส่วนการมารับบริการครั้งที่ 12 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 แจ้งว่าประจำเดือนขาด 2 เดือน และขอตรวจการตั้งครรภ์ แต่ไม่ได้รอฟังผล
จากนั้นมารับบริการครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2568 โดยขอฟังผลตรวจครั้งก่อน ซึ่งพบว่าตั้งครรภ์ และขอฝากครรภ์ต่อ จึงมีการเจาะเลือดและนัดฟังผลรับสมุดฝากครรภ์ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 โดยแพทย์ได้อัลตราซาวนด์และแจ้งอายุครรภ์ 13 สัปดาห์
และล่าสุดได้มารับบริการครั้งที่ 14 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เมื่อเวลา 06.04 น. ด้วยอาการหายใจไม่สะดวก คลื่นไส้ อาเจียน แพทย์ได้จ่ายยาและให้กลับบ้าน
จากนั้นมารับบริการครั้งที่ 15 ในวันเดียวกัน เวลา 08.43 น. แจ้งว่าเจ็บครรภ์คลอด แพทย์ได้ทำอัลตราซาวนด์พร้อมทั้งแจ้งข้อมูลให้ทราบว่าเด็กตัวเล็กมาก และนำเข้าสู่กระบวนการฝากครรภ์ตามปกติ ทั้งนี้ ได้ให้ทางโรงพยาบาลสืบค้นข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อความกระจ่างและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านเพจดัง Drama-addict ได้โพสต์โต้กลับหลักฐานต่างๆที่คุณแม่รายนี้นำออกมาเปิดเผย ทั้งประวัติการรักษา และอีกหลักฐานคือบัตรคิวที่มาโรงพยาบาล
"เอกสารที่เอามาโชว์ในรายการ ซึ่งคุณหมออ่านโชว์ในรายการ เป็นเอกสารจากคลินิก เนื้อหาระบุว่า "มีไข้ ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย เป็นมาสองวัน ไอน้ำมูก ตั้งครรภ์แปดเดือนที่ รพ.ปทุมฯ"
อันนี้ ไม่ใช่เอกสารยืนยันผลตรวจว่าตั้งท้อง เป็นการบันทึกอาการของคนไข้แบบ subjective data คือข้อมูลบอกเล่าจากตัวคนไข้ ในกรณีนี้นี้คือคนไข้มา รพ. ด้วยอาการไอเจ็บคอ สงสัยเป็นหวัด แล้วคนไข้ให้ข้อมูลกับทาง จนท ที่ทำการบันทึกข้อมูลว่า ท้องอยู่แปดเดือนน่ะครับ เพื่อเป็นการบันทึกข้อมูลไว้ใช้ประกอบการรักษาน่ะ
ถ้าผลการตรวจที่ยืนยันว่ามีการตั้งท้อง จะต้องเป็นผลการตรวจปัสสาวะ หรือผลอัลตร้าซาวด์ ไม่ใช่เอกสารแบบนี้ครับ "
และอีกโพสต์ถึงหลักฐานเรื่องบัตรคิวของคนไข้ พร้อมปมคาใจ ว่า
"บัตรคิว ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ คือใครไปโรงพยาบาลก็สามารถกดบัตรคิวได้ แต่ถ้าแค่กดบัตรคิวเฉยๆยังไม่เข้าสู่ ขั้นตอนการซักประวัติคัดกรองโดยพยาบาล และวัดสัญญาณชีพก่อนส่งไปพบแพทย์ก็จะไม่มีข้อมูลขึ้นใน opd card และที่แปลกคือเวลาไปโรงพยาบาลมีคนเก็บบัตรคิวที่ใช้แล้วไว้ด้วยเหรอเนี่ย ปกติเห็นแต่พอไม่ได้ใช้แล้วก็ทิ้งเลยเพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ถ้าจะเก็บ นู่นนนน ใบเสร็จ กับใบนัดมาตรวจหนต่อไป"