โอภาส บุญจันทร์ เจ้าของโรงงานวิน โพรเสส เสียชีวิต สุดยื้อย้ายตัวจากเรือนจำ

นายโอภาส บุญจันทร์ อายุ 67 ปี เจ้าของวิน โพรเสส โรงงานเก็บกากสารเคมีที่ไฟไหม้ใน จ.ระยอง เสียชีวิตแล้ว จากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

กรณีทางเพจ มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)  มีรายงานว่า "โอภาส บุญจันทร์"อายุ 67 ปี ผู้ก่อมลพิษวินโพรเสสฯ จบชีวิตแล้ว จากภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ระหว่างต้องขังในเรือนจำกลางระยอง และถูกส่งไป รพ.บ้านค่าย ตั้งแต่ 5 ก.พ.68 เสียชีวิตเมื่อคืนนี้(9ก.พ.68) เวลา 00.45 น. โดย นายโอภาส เป็นกรรมการ บ.วิน โพรเสสฯ เจ้าของโรงงานเก็บกากสารเคมีที่ไฟไหม้ใน จ.ระยอง 

 

อาการป่วยนายโอภาส เกิดอาการร่างกายขาดน้ำตาล จนถูกส่งตัวจากเรือนจำกลางระยองไปรักษาที่ รพ.บ้านค่าย กระทั่งเมื่อเวลา 00.45 น.วันที่ 9 ก.พ.68 นายโอภาสได้เสียชีวิตจากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งจะมีการชันสูตรต่อไป

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 ศาลจังหวัดระยอง พิพากษาจำคุก "โอภาส บุญจันทร์" กรรมการบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ต่อจากคดีเดิมอีก 5 ปี ฐานความผิดครอบครองวัตถุอันตราย กระทำการให้เกิดการปนเปื้อนของแหล่งน้ำสาธารณะ

โอภาส บุญจันทร์ เจ้าของโรงงานวิน โพรเสส เสียชีวิต สุดยื้อย้ายตัวจากเรือนจำ
โดยทาง เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม ในฐานะโจทก์ เดินทางมายังศาลจังหวัดระยอง เพื่อร่วมสืบพยานนัดแรกฝ่ายโจทก์ จากกรณีที่ยื่นฟ้องบริษัท วินโ พรเสส จำกัด กับพวก ฐานความผิด ร่วมกันมีไว้ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันกระทำการให้เกิดการขัดข้องแก่การใช้น้ำซึ่งเป็นสาธารณูปโภค เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันเอาของที่มีพิษ หรือสิ่งอื่นที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เจือลงในน้ำ และน้ำนั้นได้มีอยู่เพื่อประชาชน
 

ซึ่ง ศาลมีคำสั่งปรับจำเลยที่ 1 คือ บริษัท วินโพร เสส จำกัด เป็นเงิน 350,000 บาท และจำคุกจำเลยที่ 2 คือ นายโอภาส 5 ปี 15 เดือน นับต่อจากคำตัดสินเดิมที่ศาลจังหวัดระยองเคยตัดสินแล้ว เมื่อเดือน ธ.ค.2567 ฐานความผิดการมีไว้ครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต

โอภาส บุญจันทร์ เจ้าของโรงงานวิน โพรเสส เสียชีวิต สุดยื้อย้ายตัวจากเรือนจำ

สำหรับคดีนี้สืบเนื่องมาจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจพบว่าน้ำในบ่อภายในบริษัท วิน โพรเสส จำกัด มีค่าความเป็นกรดสูง เข้าข่ายเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 และพบการลักลอบฝังกลบ และเททิ้งกากอุตสาหกรรมที่เป็นวัตถุอันตรายลงใต้ดิน พร้อมพบการระบายน้ำที่ปนเปื้อนออกสู่ลำรางสาธารณะ และไหลสู่หนองพะวา หนองน้ำสาธารณะของชุมชน จนไม่สามารถใช้บริโภคได้

 

cr.มูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH)