- 02 มี.ค. 2568
วีรกรรมสุดสลด "เคี่ยม" นักมวยลูกทรพีทาสยา ย้อนพฤติกรรมโฉดก่อนปลิดชีพแม่แท้ๆ คนรอบข้างแห่เตือนก่อนถึงวันสายไป
จากกรณีรวบ นายณัฐพล หรือ เคี่ยม อายุ 28 ปี นักมวยทาสยา หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นางสุดารัตน์ หรือ ป้าติ๋ม อายุ 46 ปี ผู้เป็นแม่ จนถึงแก่ชีวิต จากนั้นได้หลบหนีไปเหตุเกิดในพื้นที่หมู่ 3 บ้านเกาะแต้ว ต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง
ด้าน น.ส.สุธาทิพย์ อายุ 23 ปี ลูกสาวคนสุดท้อง เล่าว่า แม่มีลูกทั้งหมด 4 คน ผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายคนโต บ้านหลังนี้แม่อยู่กับผู้ก่อเหตุ 2 คน ซึ่งพี่ชายเสพยาเสพติด ไม่ประกอบอาชีพ ส่วนแม่ทำอาชีพค้าขายผักผลไม้ตามตลาดนัด เมื่อคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ตนโทร หาแม่ แต่ว่าแม่ไม่รับสาย สอบถามเพื่อนที่ขายของกับแม่ก็ไม่มีใครพบเห็นแม่
ช่วงเที่ยง วันที่ 1 มีนาคม จึงรีบกลับมาหาแม่ที่บ้าน พบว่าประตูไม่ได้ล็อก เข้าไปถึงก็เห็นว่าแม่นอนเสียชีวิต ตนรู้ได้ทันทีว่าพี่ชายเป็นคนลงมือฆ่าแม่ เพราะที่ผ่านมาพี่ชายหลอนยาเสพติดทำร้ายแม่มาหลายครั้ง ก่อนหน้านี้พี่ชายเคยคลุ้มคลั่งจุดไฟเผาบ้าน ทำร้ายแม่ ทำร้ายย่า ทำร้ายพ่อ ทำร้ายตนด้วย จนเคยถูกจับกุมในคดียาเสพติดและวางเพลิงเผาทรัพย์ ส่วนพี่ชายอดีตเป็นนักมวย แต่หยุดต่อยไปได้ประมาณ 2-3 ปี
สาเหตุที่พี่ชายลงมือฆ่าแม่ อาจจะมาจากที่ขอเงินแม่ไปซื้อยาเสพติดแล้วแม่ไม่ให้ เพราะพี่ชายจะขอเงินแม่ทุกวัน ในขณะที่แม่มีรายได้จากขายของวันละ 500-1,000 บาท ซึ่งก่อนเกิดเหตุน่าจะเป็นช่วงที่แม่เพิ่งกลับมาจากขายของ โดยแม่รักพี่ชายมาก จะจัดหาข้าวน้ำไว้ให้กินทุกวัน ตนรู้สึกว่าพี่ชายคงเสพยาเยอะไปจนทำลายสมองไปแล้ว เป็นเพราะยาเสพติดที่ทำลายทุกอย่าง ทำลายคนรอบข้าง ฆ่าได้แม้กระทั่งแม่บังเกิดเกล้า
นายสมใจ อายุ 70 ปี พ่อผู้เสียชีวิต เปิดใจทั้งน้ำตาว่า หลานชายมีประวัติเสพยาเสพติดมานาน หลายปีก่อนเคยเผาบ้านที่มีย่าเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเคยมีคดีจำคุกในเรือนจำ ตนก็เตือนคนรอบข้างมาตลอดให้ระวัง อย่าไปยุ่งกับนายเคี่ยม เพราะสติไม่เหลือแล้ว ตนรับไม่ได้กับเหตุการณ์นี้ อยากให้ตำรวจเร่งจับกุมตัวให้ได้เพราะกลัวว่าจะไปทำอันตรายกับคนอื่น ก่อนหน้านี้นายเคี่ยมเป็นคนดี ต่อยมวย ช่วยงานที่บ้าน แต่ช่วงที่พ่อกับแม่เลิกรากันได้เสพยาเสพติดจนมีปัญหาจนถึงทุกวันนี้
โดยในวันที่ 2 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถควบคุมตัวนายเคี่ยม ได้แล้ว ในพื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม หลังขี่รถเข้าด่านจุดตรวจสกัด เนื่องจากไม่สวมหมวกกันน็อก จึงถูกเรียกตรวจและไม่มีเงินเสียค่าปรับ เบื้องต้นตำรวจชุดสืบสวน สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง อยู่ระหว่างประสานและเดินทางไปควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีตามกฎหมาย






