รู้หรือไม่ 6 อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือ PM 2.5 ใกล้ตัว

6 อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 6 อาหารเสริมที่หาได้ง่าย ใกล้ตัว และมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

มาดู “6 อาหารเสริมภูมิคุ้มกัน” นอกจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ดีและการออกกำลังกายแล้ว ยังมีอาหารเสริมใกล้ตัวอีกหลายชนิดที่สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ที่อาจเข้ามาทำร้ายสุขภาพของเราได้

 

รู้หรือไม่ 6 อาหารเสริม เสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือ PM 2.5 ใกล้ตัว

มาดู 6 อาหารต้านฝุ่น กันค่ะ อาหารบางชนิดอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และช่วยให้ร่างกายขับสารพิษออกได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ที่เข้าสู่ร่างกาย

 

อาหารที่ควรรับประทาน

  • ผักผลไม้ที่มีสีส้มและสีเหลือง:
  • วิตามิน A: ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและระบบทางเดินหายใจ
  • เบต้าแคโรทีน: ช่วยป้องกันเซลล์จากความเสียหาย
  • ตัวอย่าง: แครอท, ฟักทอง, มันหวาน, มะม่วง, มะละกอ

 

ผักใบเขียวเข้ม

  • วิตามินซี: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบ
  • ตัวอย่าง: ผักบุ้ง, ผักโขม, บรอกโคลี, คะน้า

 

อาหารที่มีโอเมก้า 3

  • ลดการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบในปอดที่เกิดจากฝุ่น PM2.5
  • ตัวอย่าง: ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ถั่ววอลนัท, เมล็ดแฟลกซ์

 

อาหารที่มีวิตามินอี

  • ต้านอนุมูลอิสระ: ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
  • ตัวอย่าง: อัลมอนด์, อโวคาโด, น้ำมันมะกอก

 

อาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

  • ช่วยลดความเสียหายของเซลล์: สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เกิดจากมลพิษ
  • ตัวอย่าง: ชาเขียว, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, ขมิ้นชัน

 

รู้หรือไม่ 6 อาหารเสริม เสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมรับมือ PM 2.5 ใกล้ตัว

 

เคล็ดลับเพิ่มเติม

  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ: ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป: อาหารแปรรูปมักมีโซเดียมสูงและสารกันบูด ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพปอด
  • ปรุงอาหารด้วยน้ำมันมะกอก: น้ำมันมะกอกมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดการอักเสบ
  • รับประทานอาหารหลากหลาย: เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

 

 

คำแนะนำ

 

การรับประทานอาหารที่ดีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพปอด ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

 

หมายเหตุ: หากคุณมีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมประชาสัมพันธ์