- 12 พ.ค. 2568
“หมอเจด” เตือน! เบาหวานไม่ใช่โรคเฉพาะคนชอบหวาน แต่พฤติกรรมเล็กๆ ที่ทำซ้ำทุกวันต่างหากที่เสี่ยง เช่น ดื่มน้ำหวานตอนท้องว่าง หรือนั่งนิ่งหลังอาหาร
3พฤติกรรมที่ทำให้ "เบาหวานพุ่ง" แบบไม่รู้ตัว!!! โดย "หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า
เบาหวานไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน และไม่ใช่แค่คนที่ “ชอบกินหวาน” เท่านั้นที่จะเป็น
แต่พฤติกรรมเล็กๆ ที่เราทำซ้ำทุกวันโดยไม่รู้ตัวต่างหาก ที่ค่อยๆ สะสมความเสี่ยง
1. ดื่มน้ำหวานตอนท้องว่าง
ตอนท้องว่าง ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ไวมาก ไม่มีอะไรไปชะลอ
น้ำหวานหรือกาแฟเย็น 1 แก้วอาจทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงแบบรวดเร็ว
แล้วร่างกายก็ต้องหลั่งอินซูลินออกมาเยอะเพื่อควบคุม ซึ่งถ้าทำบ่อยๆ เซลล์จะเริ่มดื้อต่ออินซูลิน กลายเป็นเบาหวานได้ในที่สุด
แก้ยังไง:
ดื่มน้ำเปล่าก่อนสักแก้ว ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้กินคู่กับอาหารที่มีโปรตีนหรือไฟเบอร์ เช่น ถั่วต้ม หรือไข่ต้ม จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลได้ดี
2. ไม่ขยับเขยื้อนหลังมื้ออาหาร
กินเสร็จแล้วนั่งทำงานเลย นั่งดูทีวี นั่งเลื่อนมือถือ นี่คือพฤติกรรมที่ทำให้น้ำตาลลอยอยู่ในกระแสเลือดนาน เพราะกล้ามเนื้อไม่ได้เอาน้ำตาลไปใช้
วิธีแก้:
หลังมื้ออาหาร ลองเดินช้าๆ 10–15 นาที แม้จะเดินแค่ในบ้านก็ช่วยได้ หรือทำงานบ้านเบาๆ เช่น ล้างจาน กวาดพื้น จะช่วยให้น้ำตาลในเลือดหลังอาหารลดลงได้จริง มีงานวิจัยรองรับด้วย
3. อดมื้อเช้า แล้วจัดหนักมื้อเที่ยง
หลายคนบอกว่า “ไม่หิวตอนเช้า” แล้วพอถึงเที่ยงกลับหิวจนจัดหนัก
ปัญหาคือร่างกายที่อดมา มักตอบสนองโดยเก็บพลังงานไว้เป็นไขมัน
และระดับน้ำตาลจะพุ่งแบบรวดเร็วจากการกินทีเดียวหนักๆ ทำให้ระบบควบคุมน้ำตาลรวนไปหมด
วิธีแก้:
ไม่ต้องกินเยอะตอนเช้า แค่เบาๆ เช่น โอ๊ต, ไข่, หรือผลไม้ที่ไม่หวานมาก เช่น แอปเปิ้ล ก็พอ
สำคัญคือกระตุ้นระบบเผาผลาญให้เริ่มทำงานไม่ใช่ปล่อยให้เงียบไปทั้งเช้า