ตกใจ เผยกลุ่มอายุติดเชื้อ เอชไอวี - ซิฟิลิส มากสุดในไทย

ศูนย์โรคเอดส์ เผยกลุ่มอายุติดเชื้อ เอชไอวี – ซิฟิลิส มากสุดในไทย เจอคนป่วยซิฟิลิสซ้ำ อาการน้อย-แพร่กระจายสูง

วันที่ 30 พ.ค. รศ.นพ.โอภาส พุทธเจริญ รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์และโรคติดเชื้อ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบช่วงอายุที่พบการติดเชื้อ เอชไอวี (HIV) และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อายุเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ โดยข้อมูลสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ เอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โดยคลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย ในช่วงปีที่ผ่านมา พบกลุ่มผู้ป่วยอยู่ในช่วงวัยอายุ 20-49 ปี หากแยกเป็นรายโรค สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ เอชไอวี

  • ช่วงอายุที่พบมากสุดคือ ช่วงอายุ 30 – 34 ปี
  • รองลงมา คือ อายุ 25 – 29 ปี
  • กลุ่มวัยรุ่นเยาวชน อายุ 15 – 19 ปี พบการติดเชื้อ 8 ราย ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง

รศ.นพ.โอภาส กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ซิฟิลิส ที่คลินิกนิรนามในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนพ.ย.2567 – เดือนเม.ย.2568 พบผู้เข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อทั้งหมด 11,323 ครั้ง ให้ผลเป็นบวก 940 คน อัตราการติดเชื้ออยู่ที่ร้อยละ 8.3

  • กลุ่มอายุ 15 – 19 ปี พบติดเชื้อ 11 ราย
  • กลุ่มอายุ 20 – 24 ปี ติดเชื้อ 93 ราย
  • กลุ่มอายุ 25 – 29 ปี ติดเชื้อ 179 ราย
  • กลุ่มอายุ 30 – 34 ปี ติดเชื้อ 227 ราย
  • กลุ่มอายุ 35 – 39 ปี ติดเชื้อ 155 ราย
  • กลุ่มอายุ 40 – 44 ปี ติดเชื้อ 108 ราย และพบผู้ป่วยเพิ่มในทุกกลุ่มทั้งคู่รักชายหญิงและกลุ่มคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ

รศ.นพ.โอภาส กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ว่า พบว่าทั่วโลกเริ่มมีผู้ป่วยที่อายุน้อยลงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13 พบว่าส่วนใหญ่มักติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน และในกลุ่มเด็กเยาวชนยังขาดการยับยั้งช่างใจ มีการเข้าถึงสื่อโซเชียล ที่ดึงดูดทำให้มีเพศสัมพันธ์ได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขในกลุ่มวัยรุ่นยังไม่ดีเท่าวัยผู้ใหญ่ และอีกปัจจัยที่สำคัญในปัจจุบันคือ เรื่องยาเสพติดในวัยรุ่นที่มีการใช้ยาเสพติดที่ทำให้มีความรู้สึกทางเพศมากขึ้นและนานขึ้น เช่น การใช้ยาไอซ์

“พบว่าในผู้ป่วย 1 คน สามารถติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์มากกว่า 1 โรค เช่น มีการติดเชื้อเอชไอวี และติดเชื้อซิฟิลิส พร้อมกัน เพราะช่องทางการแพร่กระจายโรคเป็นช่องทางเดียวกัน” รศ.นพ.โอภาส กล่าว

รศ.นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับโรคซิฟิลิสเป็นโรคที่สามารถรักษาและป้องกันได้ โดยสถานการณ์ในปัจจุบันพบว่า ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและยังพบว่าในผู้ป่วยบางรายไม่มีอาการจึงทำให้เกิดความเสี่ยงในการแพร่กระจาย และสิ่งที่น่ากังวลคือ พบในผู้หญิงตั้งครรภ์มีการส่งเชื้อให้กับลูกในครรภ์ทำให้ทารกติดเชื้อตั้งแต่กำเนิด ซึ่งจะส่งผลให้ทารกมีความผิดปกติได้ และปัจจุบันยังพบว่า ผู้ป่วยหลายรายมีการติดเชื้อซิฟิลิสซ้ำ ซึ่งในกรณีการติดเชื้อซ้ำอาการมักไม่รุนแรงหรือไม่มีอาการแต่จะสามารถแพร่ให้บุคคลอื่นได้ หากผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับการรักษาในระยะยาวจะส่งผลต่อระบบสมอง เช่น ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดในสมองตีบหรืออาจทำให้ตาบอดได้

รศ.นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า สำหรับการป้องกันในปัจจุบันอย่างกรณี โรคเอดส์ หรือการติดเชื้อเอชไอวี มียาสำหรับป้องกันก่อนมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ยาเพร็พ (PrEP) ทั้งชนิดกินและยาฉีดซึ่งสามารถเข้ารับได้จากสถานพยาบาลทุกแห่ง ควบคู่กับการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ แต่สำหรับโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ยังไม่มียาป้องกัน แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการใส่ถุงยางอนามัยและเข้ารับการตรวจคัดกรองเมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยงหรือมีอาการป่วย

รศ.นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เสี่ยงซึ่งพบผู้ป่วยเพิ่มมักเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว หรือมีสถานศึกษามหาวิทยาลัยหลายแห่ง รวมไปถึงในจังหวัด ซึ่งมีการจัดเทศกาลซึ่งมีการรวมตัวของกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงจะพบว่าหลังการจัดเทศกาลต่างๆ จะมีการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น เหมือนหลายหลายเหตุการณ์ทั่วโลก เมื่อมีเทศกาลไพร์ม (Pride) ก็จะพบผู้ป่วยซิฟิลิสหรือโรคอื่นๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งในกลุ่มที่มีความรู้

หากรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงก็จะเข้ามารับยาป้องกัน เตรียมถุงยางอนามัย หรือมีการตรวจคัดกรอง ไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งพบว่า ที่คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย เอง เมื่อใกล้ถึงช่วงเทศกาล หรือการจัดกิจกรรมบางอย่างจะมีกลุ่มผู้ที่รู้ว่าตนเองมีพฤติกรรมเสี่ยงจะเข้ามารับการฉีดวัคซีนและรับยาเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ก่อนถึงช่วงวันงาน