หมอเจด เผยชัด "แค่กินปลาดิบคำเดียว" ทำไมถึงเสี่ยง "มะเร็ง" ได้

หมอเจดเตือนภัยใกล้ตัว กินปลาดิบ ปลาร้า ปลาส้ม เสี่ยงติด พยาธิใบไม้ตับ สาเหตุของ มะเร็งท่อน้ำดี ตัวร้ายอันดับต้น ๆ ในอีสาน!

"หมอเจดนพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า

กินดิบก็เป็นมะเร็งได้!

แค่ชิมคำเดียวก็เสี่ยง!

หลายคนอาจไม่เคยคิดว่า "แค่กินปลาดิบ" จะไปเกี่ยวอะไรกับ "มะเร็งตับได้ยังไง?"

จริงๆแล้วมันเกี่ยวมากนะ โดยเฉพาะถ้าเป็นปลาน้ำจืดแถวบ้านเรา ที่เรากินกันเป็นประจำ

ไม่ว่าจะเป็นปลาร้า ปลาส้ม ปลานึ่งแบบไม่เดือด หรือของหมักดองต่าง ๆ

หมอเจด เผยชัด แค่กินปลาดิบคำเดียว ทำไมถึงเสี่ยง มะเร็ง ได้

แต่รู้ไหมครับว่านอกจากความอร่อยแล้ว มันอาจจะมี “พยาธิใบไม้ตับ”

แต่มันสามารถทำให้คุณเป็น มะเร็งท่อน้ำดี ได้เลย

อย่างขอนแก่นเองก็ได้ฉายาว่าเมืองหลวงมะเร็งท่อน้ำดีเลยนะ

เดี๋ยววันนี้เล่าให้ฟังนะครับ ว่ามันเป็นมายังไง

และไม่ได้จะห้ามกินเลยนะครับ แต่จะบอกว่ากินยังไงไม่เสี่ยง และป้องกันยังไงได้บ้าง อ่านให้จบนะ

1. พยาธิใบไม้ตับคืออะไร? ทำไมมันถึงอันตรายขนาดนี้

พยาธิใบไม้ตับ หรือชื่อวิทยาศาสตร์ยาว ๆ ว่า Opisthorchis viverrini

มันคือพยาธิตัวแบนเล็ก ๆ ที่เข้าไปอยู่ใน “ตับ” ของเรา โดยเฉพาะบริเวณ “ท่อน้ำดี”

ตัวมันเล็กมาก ๆ มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เวลามันเกาะที่ท่อน้ำดี มันจะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง

เป็น ๆ หาย ๆ ไปเรื่อย ๆ จนเซลล์แถวนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง และกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด

ใช่ครับ มะเร็งที่ว่าคือ “มะเร็งท่อน้ำดี” ซึ่งเป็นมะเร็งที่รักษายาก และพบบ่อยมากในบ้านเรา

โดยเฉพาะแถบภาคอีสานที่นิยมกินของหมักดอง เหมือนที่ผมบอกไปตอนแรกนะ

2. พฤติกรรมแบบไหนเสี่ยง?

บางคนบอก “หนูก็กินปลาร้าดิบ แต่หมักแล้วไม่เป็นไรหรอก”

หรือ “แค่ชิมคำเดียวเอง จะติดได้ยังไง”

ขอบอกเลยครับว่า “ได้!”

นี่คือตัวอย่างพฤติกรรมเสี่ยงที่หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่าอันตราย

•กินปลาร้าดิบ หรือแบบที่ใส่ในส้มตำโดยไม่เอาไปต้ม

•กินปลาส้ม ปลาหมัก ปลานึ่ง ที่เนื้อยังใส ๆ ดิบ ๆ อยู่

•ต้มปลาแค่พอสุกข้างนอก ข้างในยังไม่เดือด

•ใช้เขียงหรือมีดหั่นปลาดิบ แล้วไปหั่นของสุกต่อเลย

•ชิมอาหาร โดยยังไม่ผ่านความร้อนจริงจัง

สิ่งที่น่ากลัวคือ พยาธิตัวนี้ ทนความเค็ม ทนความเปรี้ยว ทนการหมักดองได้หมดเลย

แค่หมักไม่พอครับ มันยังอยู่รอดได้ในภาวะแบบนั้น

และการต้มแบบไม่เดือด หรือแค่ลวก ๆ ก็ฆ่ามันไม่ตายเหมือนกันนะ

ความร้อนต้องถึง 70 องศาเซลเซียส และนานพอสมควร (ประมาณ 5 นาทีขึ้นไป) ถึงจะฆ่าตัวอ่อนได้

3. ติดแล้วเป็นยังไง? อาการไม่ได้ออกทันทีนะ

สิ่งที่อันตรายที่สุดของพยาธิใบไม้ตับคือ “มันไม่ทำให้เรารู้ตัวทันที”

หลายคนติดมาหลายปี ไม่มีอาการเลย จนกระทั่งเริ่มมีอาการ

อาการที่พบบ่อย (แต่คนมักมองข้าม) เช่น

•แน่น ๆ จุก ๆ ที่ใต้ชายโครงขวา (บริเวณตับ)

•ท้องอืดบ่อย ๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด

•รู้สึกเพลียเรื้อรัง ไม่สดชื่น

•บางคนมีไข้ต่ำ ๆ เรื้อรัง

•ถ้าเป็นมาก เริ่มมีตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม

และถ้าพยาธิอยู่ในร่างกายเรานานพอ เช่น 10–20 ปี

มันจะทำให้ท่อน้ำดีเกิดแผลเรื้อรัง บางคนก็เริ่มมีก้อนเนื้อ บางคนกลายเป็นมะเร็งแบบไม่มีสัญญาณเตือนเลย

4. แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเราติด? มีวิธีตรวจไหม?

โชคดีที่ปัจจุบันเรามีวิธีตรวจค่อนข้างหลากหลายครับ

ถ้าคุณหรือคนใกล้ตัวอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือเคยกินปลาดิบมาตลอดชีวิต ลองตรวจดูสักครั้งก็ดีนะครับ

•ตรวจอุจจาระ เพื่อหาไข่พยาธิ

•ตรวจเลือดแบบ ELISA เพื่อดูว่าร่างกายมีภูมิต่อพยาธิไหม

•อัลตราซาวด์ตับ เพื่อตรวจดูความผิดปกติของท่อน้ำดี

•ถ้าสงสัยมาก อาจใช้ MRI หรือ CT scan เพื่อดูรายละเอียดเพิ่ม

ถ้าตรวจพบว่าติดพยาธิจริง ๆ ก็รักษาได้ครับ ด้วยยาชื่อว่า Praziquantel

กินแค่ครั้งเดียวก็สามารถฆ่าพยาธิได้แล้ว (แต่ต้องกินภายใต้คำแนะนำแพทย์นะครับ)

แต่ขอย้ำตรงนี้อีกทีว่า “ยาฆ่าพยาธิไม่ได้ช่วยย้อนเวลากลับ”

ถ้าร่างกายเริ่มเปลี่ยนไป หรือมะเร็งเริ่มก่อตัวแล้ว ยาก็ช่วยไม่ได้

เพราะฉะนั้นป้องกันก่อนเป็นดีที่สุดครับ

5จะปลอดภัยจากพยาธิใบไม้ตับ ต้องทำยังไง?

สรุปง่าย ๆ เลยนะครับ ว่าถ้าอยากเลี่ยงพยาธิใบไม้ตับ (และมะเร็งที่มันพาเพื่อนมาด้วย) ต้องทำยังไง:

• หยุดกินปลาน้ำจืดดิบ ๆ ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะปลาร้า ปลาส้ม ปลานึ่งไม่สุก

• แยกเขียง มีด ภาชนะ สำหรับของดิบกับของสุกเสมอ

•ปรุงอาหารให้ “สุกจริง ๆ” ต้องเดือด ต้องนานพอ ฆ่าพยาธิได้

• ถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง หรือเคยกินของดิบมาก่อน ลองไปตรวจร่างกายดู

“พยาธิใบไม้ตับ” ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ แบบกินยาแล้วหาย

สาเหตุมะเร็งที่เราไม่รู้ตัวนะครับ

ย้ำอีกรอบครับ ไม่ได้ห้ามกินนะ

อาหารพื้นบ้านอร่อยครับ แต่บางอย่างต้องรู้เท่าทัน และกินให้ถูกวิธีตามที่บอกไป ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะ