บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บุกค้น 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ปล่อยเช่าเครื่องจักรหนัก พบให้พนักงานคนไทยเป็นกรรมการฯ เงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

วันที่ 25 มิถุนายน 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันตรวจค้น 1. สำนักงานใหญ่ จังหวัดกรุงเทพมหานคร 2. สาขานวนคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ 3. สาขาระยอง จังหวัดระยอง บริษัทนอมินีจีน ปล่อยเช่าเครื่องจักรหนัก พบให้พนักงานคนไทยเป็นกรรมการฯ เงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

 

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน  

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

 

พร้อมตรวจยึด

  1. หนังสือรับรองการขอจัดตั้งบริษัท 1 ชุด
  2. รายการสต๊อกสินค้า 1 แฟ้ม
  3. เอกสารการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ/เช่าซื้อในประเทศ 1 แฟ้ม
  4. ใบส่ง-ส่งสินค้า ปี 2568 จำนวน 2 แฟ้ม
  5. ใบส่งสินค้างานเช่า ใบรับสินค้าคืน 2 แฟ้ม
  6. สำเนาเอกสารรถ 1 แฟ้ม
  7. ใบเช่า ใบรับสินค้า 3 แฟ้ม
  8. เอกสารงบการเงินและรายงานของผู้สอบบัญชี 1 แฟ้ม
  9. สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม
  10. ตราประทับบริษัท จำนวน 9 อัน

 

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

 

ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ดังต่อไปนี้

  1. นิติบุคคล จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย
  2. นิติบุคคลสัญชาติจีน จำนวน 1 ราย
  3. นิติบุคคลสัญชาติไทย จำนวน 1 ราย
  4. บุคคล จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย
  5. นายเหวย (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี สัญชาติจีน
  6. นางสาวปุณณดา (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี บุคคลสัญชาติไทย
  7. นางสาวณัฐรดา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี บุคคลสัญชาติไทย

เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน "พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542"

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

 

พฤติการณ์ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ตรวจสอบพบบริษัทต้องสงสัยว่าเข้าข่ายกระทำความผิดในลักษณะนำบุคคลสัญชาติไทยมาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนของคนไทยแทนคนต่างด้าว เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ประกอบธุรกิจในลักษณะการนำเข้า และให้เช่าเครื่องจักรหนัก รถเครน และรถยก เพื่อเลี่ยงข้อกฎหมาย

ต่อมา กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่า โครงสร้างของกลุ่มบริษัท มีการนำนิติบุคคลมาถือหุ้นในสัดส่วนของผู้ถือหุ้นของคนไทย โดยบริษัทดังกล่าวมีการจดจัดตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นโฮลดิ้ง แต่ไม่ได้ประกอบธุรกิจใดๆ ซึ่งบริษัทมีความเกี่ยวพันกันทั้งในด้านโครงสร้างผู้ถือหุ้น กรรมการ และเส้นทางการเงิน ในส่วนของผู้ถือหุ้นคนไทย จำนวน 2 ราย ไม่มีบทบาทในการบริหาร และน่าเชื่อว่าไม่ได้ลงทุนจริง โดยทั้ง 2 รายเป็นพนักงานของบริษัท และเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัทพบว่า มีการรับโอนเงินจากนายทุนจีนมาลงทุน เป็นเงินกว่า 50 ล้านบาท และพบเงินหมุนเวียนในบัญชีของบริษัทกว่า 500 ล้านบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเรื่อยมา

 

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

 

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้นจับกุม ได้นำหมายค้นเข้าทำการตรวจค้นบริษัทและที่ตั้งของสาขาต่างๆ พร้อมกัน 3 จุด ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ระยอง และพระนครศรีอยุธยา พบเอกสารให้เช่าซื้อ และเครื่องจักรหนักจากในและนอกประเทศ กว่า 250 คัน อาทิ รถเครน รถยก และอื่นๆ จากการสอบถามพนักงานและกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นคนไทย ให้การยืนยันว่าบริษัทฯ ถูกบริหารโดยบุคคลสัญชาติจีนเป็นหลัก ทั้งยังพบการใช้คิวอาร์โค้ดของพนักงานในการรับเงินจากการเช่ารถเครน และเครื่องจักรหนักต่างๆ ทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำที่อาจจะหลบเลี่ยงภาษีเงินได้ ทั้งนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อไป

จากการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม กก.4 บก.ปอศ. พบว่า ในห้วงปี 2566-2567 หลังจากจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทแล้ว บริษัทได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าประเภทรถเครน และเครื่องจักรหนักอื่นๆ จากประเทศจีน โดยมีการนำเข้าเครื่องจักรหนักมาจากประเทศจีน เพื่อมาจำหน่ายและให้เช่าภายในประเทศไทย มีการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก และการขยายสาขาอีกหลายแห่ง ทั้งในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดระยอง ซึ่งการประกอบธุรกิจนำเข้าเครื่องจักรเพื่อทำการขายภายในประเทศ หรือให้เช่าเครื่องจักรดังกล่าว เป็นธุรกิจที่ต้องได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แต่กลับมีการประกอบกิจการนำเข้าและจำหน่ายเครื่องจักร เช่น รถเครน และรถตัก ซึ่งเป็นธุรกิจที่คนไทยยังไม่พร้อมแข่งขันกับชาวต่างชาติ

 

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

 

จึงได้ดำเนินคดีกับบริษัทจำนวน 2 บริษัท และบุคคลทั้งสัญชาติจีนและสัญชาติไทย จำนวน 3 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ตามกฎหมาย

 

บุก 3 จังหวัด ล่าบริษัทนอมินีจีน ให้คนไทยสมอ้าง เงินสะพัด 500 ล้าน

 

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทย ซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง