เจ้าอาวาสวัดม่วง เผย 10 ล้าน เป็นเงินส่วนตัว ซื้อทองไว้เก็งกำไร

กรณีไวยาวัจกร วัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค แจ้งความหลังเจ้าอาวาสวัด ให้เบิกเงินสด 10 ล้านบาท จากธนาคาร พร้อมทองคำน้ำหนัก 250 บาท มูลค่า 12 ล้านบาท หายไปจากกุฏิวัด เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 ก.ค.68 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า มีสื่อออนไลน์แห่งหนึ่ง บอกว่า ตนออกตัวให้เจ้าอาวาสวัดม่วง บอกเงินและทองรวม 22 ล้านบาท ที่ถูกฉกไป เป็นเงินส่วนตัว

ตนตอบตามที่เจ้าอาวาสบอกมา แต่ตนไม่ทิ้งประเด็น ตนยังบอกว่าทุกคนคือเป้าได้หมด ที่สำคัญตนไม่ได้ออกตัวบอกว่า มีพิรุธเยอะ ส่วนเงินตนถามว่ามาจากไหน ท่านตอบว่า อาตมาบวชมา 50 พรรษา เป็นเงินสะสม อาตมาหมดตัวแล้ว

แต่ก็ยอมรับเพราะเหตุมันเกิดขึ้นแล้ว เป็นความประมาทของอาตมาด้วย ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาลักไป พร้อมเปิดสมุดบัญชีให้ดูว่า เป็นเงินส่วนตัว ให้ผู้กำกับการตามจับคนร้ายให้ได้ และเอาเงินมาคืน ทั้งนี้มีไวยาวัจกรของวัดแนะนำให้ซื้อทองเก็งกำไรเก็บไว้ในธนาคาร ดอกเบี้ยน้อย บางส่วนเอามาทำบุญใช้จ่ายในวัด ไม่ใช่เงินวัด เงินวัดจะมีอีกบัญชีหนึ่ง บางส่วนเป็นสดเก็บไว้อย่างดี มีคณะกรรมการของวัดเป็นผู้ดูแลเบิกจ่าย

พ.ต.อ.ปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นกล้องวงจรปิดภายในกุฏิห้องนอนที่เกิดเหตุ ถูกมือดีนำกระดาษมาปิดบังกล้อง จากการสอบถามเจ้าอาวาสทราบว่า เจ้าอาวาสนำมาปิดไว้เอง เพราะตอนกลางคืนอาจจะมีภาพที่ไม่ดีหลุดออกไป เช่น นอนสบงจีวรเปิด เป็นภาพที่ไม่เหมาะสม

แต่ถ้าเจ้าอาวาสไปไหนหลายวัน หรือไปต่างประเทศ จะเปิดแผ่นกระดาษที่ปิดบังกล้องออก ส่วนข่าวที่ระบุว่ามีสุนัขพันธุ์ พิตบูล อยู่ในกุฏิด้วยนั้น วันไปตรวจสอบ พบมีสุนัขอายุมาก เป็นหมาแก่ นอนนิ่งอยู่เห็นตนยังไม่เห่าเลย ส่วนอีกตัวขังอยู่ในกรง นอกกุฏิ ไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์อะไรทั้ง 2 ตัว

ผกก.สน.เพชรเกษม กล่าวว่า ทั้งนี้ภายหลังรับแจ้งความ ตนเดินทางมาดูเหตุด้วยตนเอง เพราะเป็นคดีใหญ่ พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐาน