ทลายโกดังของเถื่อน ยึดวิทยุสื่อสาร-มือถือปลอม 50 ล้าน โยงทุนจีน

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 3 ก.ค. 2568 นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมศุลกากร กรมสรรพสามิต สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และตัวแทนจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 โดย พ.ต.ท.มงคล สังข์เพิ่ม สวป.สน.ท่าข้าม ได้นำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 368-370/2568 เข้าตรวจค้นโกดังลักลอบนำเข้าวิทยุสื่อสารเถื่อน บริเวณบ้านซอยพระราม 2 ที่ 69 ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร

 

 

 

จุดที่เข้าตรวจค้นเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบริเวณชั้น 1 และ 2 พบของกลางเป็นวิทยุสื่อสารหลากหลายยี่ห้อ อาทิ ICOM, Motorola, Yeasu และอื่น ๆ รวมกว่า 20,000 เครื่อง นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตปลอมอีกกว่า 12,000 เครื่อง รวมมูลค่าของกลางกว่า 50 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนายอัครวัชร์ จินดาวิภุษิต อายุ 45 ปี ซึ่งรับว่าเป็นผู้ดูแลวิทยุสื่อสารของกลางที่บ้านหลังดังกล่าว

นายไตรรัตน์เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากมีประชาชนนำวิทยุสื่อสารมาขอจดทะเบียนกับ กสทช. แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นสินค้าปลอม เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีการจำหน่ายสินค้าดังกล่าวในแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาถูกผิดปกติ โดยสินค้าทั้งหมดนำเข้าจากประเทศจีน และมีการปลอมแปลงเอกสารราชการ ใบการค้า และตราครุฑ

จากการสอบสวน นายอัครวัชร์ให้การว่า ได้รับซื้อวิทยุสื่อสารมาจากบริษัทแห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งมีเอกสารการรับส่งสินค้าเป็นหลักฐาน เบื้องต้นกรมศุลกากรจะตรวจสอบบริษัทต้นทาง หากพบว่าไม่มีหลักฐานการผ่านพิธีการศุลกากร อาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 246 ฐานรับซื้อหรือรับไว้ซึ่งของที่หลีกเลี่ยงหรือไม่ผ่านศุลกากร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 4 เท่าของราคาสินค้ารวมภาษีอากร หรือทั้งจำทั้งปรับ

 

ทั้งนี้ ยังพบว่าเส้นทางการเงินมีการโอนไปยังปลายทางในประเทศจีน โดยมีชาวจีนเป็นหุ้นส่วนกับผู้ต้องหา

ทาง กสทช. และ สคบ. ได้ฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกผิดปกติ โดยเฉพาะโทรศัพท์มือถือหรือวิทยุสื่อสาร หากพบว่ามีราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ควรตั้งข้อสงสัยว่าเป็นของปลอม ส่วนโทรศัพท์มือถือที่ขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น TikTok หรือ Shopee หากมีราคาต่ำกว่า 1,000 บาท ส่วนใหญ่มักเป็นของปลอมหรือของตกรุ่น ไม่สามารถรองรับสัญญาณ 5G ได้

 

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้อง และจะขยายผลผู้ร่วมขบวนการต่อไป