- 08 ก.ค. 2568
สรุปแล้ว รีสอร์ต "จอนนี่ มือปราบ" ต้องรื้อหรือไม่ หลังคุยกับ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ ปมโดนแจ้งดำเนินคดีฐานบุกรุก
ในรายการ “โหนกระแส” จอนนี่ มือปราบ หรือ ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ อดีตตำรวจและอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ได้เปิดใจร่วมกับ ทนายเกิดผล แก้วเกิด กรณีถูกกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ แจ้งดำเนินคดีฐานบุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย จังหวัดอุบลราชธานี โดยระบุว่ารีสอร์ตที่เขาดำเนินกิจการอยู่ละเมิดพื้นที่ของรัฐ
จอนนี่ชี้แจงว่า ที่ดินดังกล่าวได้มาจากการซื้อขายอย่างถูกต้องตามขั้นตอน โดยเป็นการรับช่วงต่อจากเจ้าของเดิมในลำดับที่ 3 มีเอกสารสัญญาและลายเซ็นเจ้าหน้าที่รัฐครบถ้วน และได้เปิดรีสอร์ตมาเป็นเวลาหลายปี แต่เพิ่งมาถูกตรวจสอบหลังแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเขายืนยันว่าเป็นการใช้สิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
เขาเผยด้วยว่า หลังจากแสดงความคิดเห็นดังกล่าว มีผู้มีอำนาจเตือนให้ “อยู่เงียบ ๆ” และเริ่มมีการตรวจสอบทรัพย์สิน รายได้ และเอกสารที่ดิน รวมถึงคำสั่งให้รื้อรีสอร์ต จึงตัดสินใจยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เอาผิดเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมฯ รวม 3 ราย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และหมิ่นประมาท
อย่างไรก็ตาม จอนนี่กล่าวว่า หากรีสอร์ตของตนผิดกฎหมายจริง ตนยินดีให้รื้อถอน แต่ขอให้ใช้ “มาตรฐานเดียวกัน” กับชาวบ้านกว่า 500 ครอบครัวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ซึ่งหลายคนไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทั้งที่อยู่มาก่อนที่รัฐจะประกาศพื้นที่นิคมหลายสิบปี ขณะเดียวกัน บางรายที่มีทุนหรืออำนาจสามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ แม้ที่ดินอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่สิบเมตร
“ผมไม่ได้สู้เพื่อตัวเอง ผมสู้เพราะชาวบ้านไม่มีเสียง ผมจึงต้องเป็นกระบอกเสียงให้พวกเขา” - จอนนี่ มือปราบ
ด้านอธิบดีกรมพัฒนาสังคมฯ นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง ชี้แจงว่า การดำเนินคดีนี้ไม่ได้เกิดกับจอนนี่เพียงคนเดียว แต่มีการตรวจสอบทั่วทั้งนิคม ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเขื่อนสิรินธร พร้อมยืนยันว่าได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนจอนนี่ตั้งแต่ปี 2565 แล้ว และที่ดินของเขาเป็นพื้นที่ “ป่าส่วนกลาง”
อธิบดีฯ ยังอธิบายเรื่องเอกสารสิทธิ์ในนิคมฯ ว่าไม่สามารถซื้อขายได้ง่ายเหมือนที่ดินทั่วไป โดยต้องเริ่มจาก น.ค.1 (ใบอนุญาตเข้าทำประโยชน์) ซึ่งไม่ใช่กรรมสิทธิ์ และใช้ได้เฉพาะเพื่อ “ทำกิน” เช่น เกษตรกรรม ไม่รวมการเปิดรีสอร์ต และต่อยอดเป็น น.ค.3 เมื่อมีการใช้ประโยชน์จริงครบระยะเวลา และชำระหนี้รัฐครบ จึงขอ “โฉนด” ได้ในภายหลัง ซึ่งยังต้องห้ามโอนต่ออีก 5 ปี
ทนายเกิดผลเสริมว่า หากมีผู้ประกอบการรายอื่นในพื้นที่เดียวกัน แต่รัฐเลือกดำเนินคดีกับจอนนี่เพียงรายเดียว ถือว่าไม่เป็นธรรม และเป็นเหตุผลที่ยื่น ป.ป.ช. ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่
สุดท้าย ทั้งสองฝ่ายเริ่มเปิดใจหาทางออกร่วมกัน โดยจอนนี่กล่าวว่า ตนพร้อมให้รื้อรีสอร์ต และยินดีเป็นตัวกลางช่วยผลักดันให้ชาวบ้านได้รับเอกสารสิทธิ์ พร้อมใช้ชื่อเสียงของตนช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และขอเป็นตัวแทนกรมฯ ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับชาวบ้านต่อไป






