สุดพีค ลูกเจ้าของโรงเรียน ยิงดับ 2 ศพ ไม่สำนึกแถมตอกกลับลูกเหยื่อ

จากกรณีเหตุสลดเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุลูกเจ้าของโรงเรียนก่อเหตุยิงสนั่นในวัดแห่งหนึ่ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หญิง 1 ราย ชาย 1 ราย โดยรายงานระบุว่าผู้ก่อเหตุนั้นมีอาการคลั่งยาเสพติด มีอาการหลอน ฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงชื่อหลีเล่นคุณไสย ทำของตอกตะปูใส่หัวตนเอง จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่ผู้เสียชีวิตกำลังซักผ้า ส่งผลให้เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ หลังจากที่ยิงเสร็จ ตนก็เดินออกมาหน้าวัด บังเอิญเจอคนรู้จักอีกราย ชื่อติ่ง เลยยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ขณะเกิดเหตุ ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นคนที่อยู่ละแวกเดียวกัน รู้จักกัน แต่ไม่เป็นคู่อริกันหรือไม่เคยมีเรื่องราวต่อกัน แต่เพราะเกิดอาการคลั่งยาเลยก่อเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย

 

 

ล่าสุดวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 นางสาวศิริฉัตร อายุ 29 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต มาติดต่อขอรับศพที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล พร้อมกับเปิดใจกับทีมข่าวว่า

“รู้สึกรับไม่ได้ที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เพราะผู้ต้องหาไม่มีท่าทีที่จะสำนึกกับสิ่งที่กระทำลงไป อย่างเมื่อวานนี้ก็มีบางช่วงที่ผู้ต้องหาพูดกลับผู้สื่อข่าวว่าไม่สำนึกกับสิ่งที่กระทำลงไป และผู้ต้องหาหันมาพูดกับตนเองว่าจะเอาอีกศพหรือไม่ ยิ่งทำให้ตนมองว่าผู้ต้องหามีนิสัยแบบนี้ ยิ่งเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ไม่อยากจะจัดงานศพในวัดที่เกิดเหตุ เพราะไม่รู้ว่าญาติพี่น้องของผู้ต้องหาคนอื่นจะมีพฤติกรรมเป็นแบบเดียวกันหรือไม่”

อีกทั้งเธอยังเรียกร้องให้ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เพราะพฤติการณ์ของผู้ต้องหา ก่อนเกิดเหตุก็เดินมาถามหาว่าแม่ของตนอยู่ที่ไหน นั่นแสดงว่าผู้ต้องหามีการคิดมาก่อนแล้วว่าจะมาฆ่าแม่ของตน จึงอยากให้ตำรวจพิจารณาในส่วนนี้ด้วย

“ถ้าหากผู้ต้องหาสำนึกผิดจริงๆ แล้วมีโอกาสอยากจะมาขอขมา ตนก็ไม่ห้าม แต่ตอนนี้ตนไม่เชื่อว่าผู้ต้องหาสำนึกผิดจริงๆ”
 

 

ในส่วนของครอบครัวผู้ต้องหา ตนก็มีโอกาสได้พูดคุยกับพี่สาวของผู้ต้องหา ซึ่งโทรศัพท์มาร้องห่มร้องไห้ขอโทษ บอกว่าจะเยียวยาชดใช้อย่างสุดความสามารถ ถึงแม้ว่าจะไม่คุ้มกับชีวิตที่เสียไป พร้อมกับเปิดคลิปเสียงบางช่วงบางตอนให้ทีมข่าวฟังด้วย

ส่วนญาติคนอื่นของผู้ต้องหา ตนก็อยากจะถามว่า ในเมื่อรู้ว่าผู้ต้องหามีอาการป่วยจิตเวช ทำไมถึงไม่ช่วยกันดูแล ทั้งๆ ที่ก็เป็นครอบครัวที่มีฐานะ หรือว่าคนในครอบครัวไม่สามารถดูแลได้

 

 

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พันตำรวจเอกโอภาส หาญณรงค์ ผู้กำกับการ สน.ภาษีเจริญ ให้ข้อมูลว่า ตลอดเวลาที่ผู้ต้องหาอยู่ในห้องควบคุมขัง ก็มีอาการปกติ ไม่ได้ร้องขออะไรหรือส่งเสียงเอะอะโวยวาย และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีญาติของผู้ต้องหามาติดต่อขอเยี่ยม พร้อมทั้งเอาข้าวเอาน้ำมาให้

สำหรับผู้ต้องหามีอาการป่วยจิตเวชจริง เคยมีประวัติเข้ารับการรักษา แต่ขาดการกินยามานานหลายปี ส่วนเรื่องที่ลูกสาวของผู้เสียชีวิตร้องขอให้มีการเพิ่มข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถทำได้ เพราะต้องรอสอบปากคำผู้ต้องหาพร้อมทนายความในเวลา 16.00 น. วันนี้ ซึ่งจะต้องดูคำให้การของผู้ต้องหา ตอนนี้พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ไปก่อน