ย้อนตำนาน "คำสาปชัยวรมัน" ยิ่งฟังยิ่งขนลุกตรงหลายข้อเลย

ย้อนตำนาน "คำสาปชัยวรมัน" ที่หลอกหลอนชาวกัมพูชามาถึงทุกวันนี้ ขนลุกต้นปี 68 ทำพิธีถอนคำสาป แต่โดนฟ้าผ่าเสียชีวิต 3 ศพ

ด้วยสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาที่ยังตึงเครียด ทำให้หลายคนอาจจะอยากรู้ว่า การปะทะกันครั้งนี้มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ ไทย จะชนะการศึก หรือเป็นไปได้หรือไม่ที่ กัมพูชา จะเป็นฝ่ายประกาศชัยชนะ และจากการประเมินสถานการณ์นั้น ต้องยอมรับจริงๆ ว่า กัมพูชา ไม่มีทางที่จะชนะไทยได้เลย ทั้งในด้านอาวุธ กำลังรบ และ ประวัติศาสตร์ 

 

ย้อนตำนาน "คำสาปชัยวรมัน" ยิ่งฟังยิ่งขนลุกตรงหลายข้อเลย

วันนี้ ไทยนิวส์ จะพาไปย้อนรอยสำหรับความมั่นใจว่า "กัมพูชาไม่มีทางชนะไทยอย่างแน่นอน" เพราะหากว่ากันตามความเชื่อ คนโบราณที่ได้เอ่ยคำสาปแช่งไว้ด้วยความโกรธแค้น มักจะมีส่งผลทำให้คำสาปแช่งนั้นยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างเช่น "คำสาปของพระเจ้าชัยวรมัน"


"คำสาปของพระเจ้าชัยวรมัน" ที่ทรงเอ่ยปากสาปแช่งผู้ที่จะทำลายอาณาจักรของพระองค์ ทำให้เกิดความเสื่อมถอยและความแตกแยก ซึ่งคำสาปนี้ถูกสลักอยู่ที่ ศิลาจารึก ซึ่งต้องแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ คำสาปในศิลาจารึก ที่มักถูกอ้างอิงถึง เป็นศิลาจารึกที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งจารึกเมื่อ พ.ศ. 1563 ในสมัย "พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1" (ครองราชย์ พ.ศ. 1545 - 1593) ไม่ใช่พระเจ้าชัยวรมัน

ย้อนตำนาน "คำสาปชัยวรมัน" ยิ่งฟังยิ่งขนลุกตรงหลายข้อเลย

ทั้งนี้หากสันนิษฐานจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ จึงอาจมีการตีความหรือเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับคำสาป "ชัยวรมัน" และ "สุริยวรมัน" ซึ่งปรากฏในศิลาจารึกปราสาทตาเมือนธม ซึ่งระบุถึงการบริหารจัดการและการถวายทรัพย์สินแด่เทวสถาน โดยคำสาปมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากการถูกทำลายเท่านั้น)

 

สำหรับ "คำสาปชัยวรมัน" เป็นตำนานเรื่องเล่าตามความเชื่อที่ไม่ปรากฏหลักฐานทางการ ว่าด้วยคำสาปขอมโบราณที่ยังคงสะท้อนแนวคิดความเชื่อนี้สืบต่อมาถึงชาวกัมพูชาบางกลุ่มยุคปัจจุบัน ซึ่งความเชื่อนี้เล่าถึงเมื่อประมาณ 700 ปีก่อนในช่วงปลายราชวงศ์พระนคร อาณาจักรขอมโบราณมีสมเด็จพระเจ้าชัยวรมันที่ 9 (หรือพระเจ้าชัยวรมันปรเมศวร) เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของเชื้อสายสุริยวรมัน ซึ่งเป็นผู้สืบสันตติวงศ์จากพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 กษัตริย์ผู้รวบรวมอาณาจักรอย่างมั่นคง

 

ชายธรรมดาผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า แตงหวาน

พระเจ้าชัยวรมันที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติจากปี พ.ศ. 1870 - 1879 ถูกล้มอำนาจโดยชายธรรมดาผู้หนึ่งที่มีชื่อว่า "แตงหวาน" ชายที่รวบรวมกบฏชาวบ้านเข้ายึดอำนาจ และตั้งตนเป็นกษัตริย์องค์ใหม่ในนาม "พระเจ้าตรอซ็อกผแอม" หรือ "สมเด็จพระองค์ชัย" พระเจ้าแผ่นดินแห่งเมืองพระนครหลวง กัมพูชา


ก่อนจะมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่า พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ที่ครองราชย์ในช่วง พ.ศ. 1545 - 1593 หรือ ประมาณ 1,500 ปีก่อน ได้สร้างคำสาปเอาไว้ในศิลาจารึกว่า "ผู้ใดทรยศต่อเราและลูกหลาน จะตกอยู่ในความพินาศตลอดไป ถูกต่างชาติยึดครอง ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ไม่พัฒนา ไม่มีวันชนะลูกหลานของเราได้ และจะเผชิญภัยพิบัติซ้ำแล้วซ้ำเล่า"


เชื่อกันว่า คำสาปนี้ถูกเชื่อว่าเริ่มทำงานตั้งแต่วันที่ "แตงหวาน" ก้าวขึ้นเป็นกษัตริย์ และหลังจากนั้นประวัติศาสตร์กัมพูชาก็ดูเหมือนตกอยู่ในวงจรคำสาปตลอดมาไม่จบสิ้น ซึ่งว่ากันว่า "คำสาปชัยวรมัน" มีทั้งหมด 7 ข้อ ได้แก่ 

 

  1. ผู้ถูกสาปจะถูกทำลายจนสูญสิ้นด้วยลูกหลานของวรมัน 
  2. ผู้ถูกสาปจะอยู่ภายใต้การปกครองของผู้อื่นเสมอ ถูกสยามและฝรั่งเศสปกครอง 
  3. ผู้ถูกสาปจะเข่นฆ่าล้างผลาญกันเองตราบชั่วลูกชั่วหลาน เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในยุคเขมรแดง 
  4. ผู้ถูกสาปจะต้องเป็นทาสของผู้อื่นตลอดไป 
  5. ผู้ถูกสาปจะต้องเผชิญกับหายนะและภัยพิบัติทางธรรมชาติ 
  6. ลูกหลานของผู้ถูกสาปจะไม่มีวันรบชนะลูกหลานของชัยวรมัน 
  7. ผู้ถูกสาปจะล้าหลัง ไร้ศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญา

ย้อนตำนาน "คำสาปชัยวรมัน" ยิ่งฟังยิ่งขนลุกตรงหลายข้อเลย


อย่างไรก็ตาม สำหรับ "คำสาปชัยวรมัน" เป็นเรื่องเล่าแบบตำนานตามความเชื่อที่แล้วแต่บุคคลจะมอง เนื่องจากไม่มีหลักฐานทางการจากรัฐบาลกัมพูชา หรือนักวิชาการ แต่ก็ยังแสดงให้เห็นได้ว่า ความเชื่อนั้นคงมีอยู่ในหมู่ชาวกัมพูชาบางกลุ่ม โดยเฉพาะหากเชื่อมโยงเหตุการณ์ในวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ.2568 ที่มีพิธีลึกลับกลางปราสาทนครวัดที่ถูกอ้างว่าเป็น "พิธีถอนคำสาปชัยวรมัน"

 

ในพิธีกรรมดังกล่าว มีคนแต่งดำ 8 คนเป็นตัวแทนทิศ ทำพิธีกรรมซับซ้อนโดยรอบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีเครื่องสังเวยและวัตถุประกอบพิธีมากมาย ทว่าในวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 เกิดฟ้าผ่าลงกลางปราสาทนครวัด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 30 ราย โดยผู้เสียชีวิตทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา จนมีการร่ำลือว่าเป็นอาถรรพ์จากคำสาป แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีรายงาเพิ่มเติมจากฝั่งกัมพูชาว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตเพิ่มหรือไม่ หรือคนในงานได้ออกมาเล่าเรื่องอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า


อย่างไรก็ตาม หากสังเกตจาก คำสาปชัยวรมัน อาจจะมองได้ว่า หลายข้อล้วนตรงกับข้อเท็จจริงในปัจจุบัน เพราะตอนนี้ เขมรก็ยังไม่พัฒนาอะไรใดๆ ให้ตามทันโลกสมัย ล้าหลัง จนโดนหลายชาติในยุโรปถึงขั้นไม่คบค้าสมาคมด้วยแล้ว 

 

ย้อนตำนาน "คำสาปชัยวรมัน" ยิ่งฟังยิ่งขนลุกตรงหลายข้อเลย