เปิดระยะยิง จรวด BM-21 และ PHL-81 ของทหารกัมพูชา เตือนคนไทยชายแดน

เปิดระยะยิง จรวดหลายลำกล้องของฝั่งกัมพูชา ทั้ง BM-21 ยิงไกล 20 กม. และ PHL-81 ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ตามแนวชายแดน

25 ก.ค.68 ถือเป็นวันที่สองของการปะทะกันบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ของทหารทั้งสองประเทศ สถารการณ์ยังคงตึงเครียด โดยตั้งแต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ทางกองทัพภาคที่2 และกองทัพบก ได้ประกาศแจ้งเตือนว่า เกิดการปะทะในพื้นที่ตามแนวชายแดนหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ตามแนวชายแดน

เปิดระยะยิง จรวด BM-21 และ PHL-81 ของทหารกัมพูชา เตือนคนไทยชายแดน เปิดระยะยิง จรวด BM-21 และ PHL-81 ของทหารกัมพูชา เตือนคนไทยชายแดน

นอกจากนี้ได้มีการเผยอาวุธหลักของทหารฝั่งกัมพูชา โดย กองทัพภาคที่ 2 ได้เปิดเผยระยะยิงของเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งมีระยะยิงได้ถึง 20 กม. และ PHL-81 Type-90B ยิงไกลถึง 40 กม. พร้อมแผนที่ถนนทางหลักและทางรอง ที่สามารถนำรถบรรทุกที่ติดตั้งเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง มาตั้งฐานยิงข้ามมายังฝั่งไทย พร้อมแจ้งเตือนให้ ประชาชนหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พื้นที่ตามแนวชายแดน และขอให้อพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ในศูนย์อพยพที่ทางราชการจัดเตรียมไว้ให้

เปิดระยะยิง จรวด BM-21 และ PHL-81 ของทหารกัมพูชา เตือนคนไทยชายแดน

สรุปการสู้รบกับทหารกัมพูชาหลังทหารไทยถูกโจมตีต้องตอบโต้ วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ดังนี้ ตามที่เกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอชี้แจงสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญ 

เปิดระยะยิง จรวด BM-21 และ PHL-81 ของทหารกัมพูชา เตือนคนไทยชายแดน

ด้านการสู้รบ เวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชา เปิดฉากการยิงบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกปราสาทตาเมือน ฝ่ายไทยเริ่มตอบโต้ สรุปที่สำคัญดังนี้ พื้นที่ตรงข้ามปราสาทโดนตวล ปรากฏข่าวสาร รถถังของฝ่ายกัมพูชาสูญเสีย จำนวน 2 คัน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา ใช้จรวด BM.21 ยิงเข้าใส่พื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บริเวณปั๊มน้ำมัน, พื้นที่เขาพระวิหาร มีการปะทะตั้งแต่ วัดแก้วฯ ไปจนถึง ภูมะเขือ

 

ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายยังอยู่ในที่ตั้ง, พื้นที่ช่องจอม ฝ่ายกัมพูชา ใช้อาวุธยิงสนับสนุนยิงต่อที่ตั้งฝ่ายพลเรือน เช่นวิทยาลัยการอาชีพ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา และบ้านเรือนประชาชนไทย และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังจากประกาศปิดการท่องเที่ยว ฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้กำลังเข้าโจมตีฝ่ายเรา ตั้งแต่ห้วงเข้า รวมทั้งใช้อาวุธยิงสนับสนุนยิงเข้าที่ตั้งพลเรือนอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ

 

ด้านการช่วยเหลือประชาชน อพยพประชาชน จำนวน 8 พื้นที่ ได้แก่ ที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์, อ.พนมดงรัก, อ.กาบเชิง, อ.สังขะ, จ.สุรินทร์, อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และ อ.น้ำขุ่น, อ.น้ำยืน อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี ไปยังพื้นที่รวบรวมพลเรือนตามแผน และจัดรถครัวสนามประกอบอาหาร สนับสนุนให้กับส่วนราชการจังหวัด ในการอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่


มีพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย จำนวน 11 พื้นที่ ได้แก่ บ.หนองแรด ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ (กระสุน ปืนใหญ่ตก 10 นัด), บ.ผือ ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กระสุน BM21 ตก (ปตท.บ้านผือ และ ตชด.224), ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี (ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ), บ.ขี้เหล็ก ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ 5 นัด), 

บ.สายโท 10 ใต้ ม.2 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ 10 นัด), บ.กรวด ม.3 และ ม. 5 ต.บ้านกรวด อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ตก 7 นัด), บ.สายโท 12 ใต้ ม.16 ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด (กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด) และพื้นที่ บ.โคกกระชาย ตำบลสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ (กระสุนปืนใหญ่ตก 3 นัด) มีประชาชนได้รับผลกระทน จำนวน 32 คน (ได้รับบาดเจ็บ 20 คน เสียชีวิต 12 คน)

จากเหตุการณ์ที่กัมพูชากระทำการโจมตีด้วยอาวุธใส่พื้นที่พลเรือนของไทย ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอเรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าว ตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม โดยจะโจมตีเฉพาะ เป้าหมายทางทหาร (Military Objective) ประเทศไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตีใดๆ ละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้