- 25 ก.ค. 2568
พระยาละแวก คือใคร หากคุณเคยได้ยินสำนวน "อย่าไปคบลูกหลานพระยาละแวก" คุณอาจสงสัยว่าใครคือ "พระยาละแวก" และเหตุใดชื่อของบุคคลผู้นี้จึงกลายเป็นคำเตือนที่สืบทอดกันมาในแง่ของ "คนที่ไม่น่าไว้ใจ"
ทำความรู้จัก พระยาละแวก คือใคร หากคุณเคยได้ยินสำนวน "อย่าไปคบลูกหลานพระยาละแวก" คุณอาจสงสัยว่าใครคือ พระยาละแวก และเหตุใดชื่อของบุคคลผู้นี้จึงกลายเป็นคำเตือนที่สืบทอดกันมาในแง่ของ "คนที่ไม่น่าไว้ใจ" หรือ "คนทรยศหักหลัง" วลีนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดติดปาก แต่มีรากฐานมาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อันซับซ้อนระหว่างอาณาจักรอยุธยากับกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงความขัดแย้ง ความแค้น และการหักหลัง
พระยาละแวก คือใคร?
พระยาละแวก หรือ นักองค์พระยาละแวก (ออกพระนามตามพงศาวดารกัมพูชาว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หรือ นักพระสัตถา) ทรงเป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรกัมพูชาผู้ครองราชย์ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 22 (ราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16) ศูนย์กลางการปกครองของพระองค์อยู่ที่เมืองละแวก (ซึ่งเป็นที่มาของพระนามที่คนไทยเรียกขาน) พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่เข้มแข็งและมีบทบาทสำคัญในความสัมพันธ์กับอาณาจักรอยุธยาในยุคสมัยของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ความขัดแย้งกับอยุธยา: ต้นกำเนิดของสำนวน
เรื่องราวที่ทำให้ชื่อของพระยาละแวกกลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่น่าไว้วางใจมีจุดเริ่มต้นมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นและเต็มไปด้วยการรบพุ่งระหว่างสองอาณาจักร โดยเฉพาะในช่วงที่อยุธยาอยู่ในฐานะประเทศราชของพม่าหลังการเสียกรุงครั้งที่ 1 (พ.ศ. 2112)
การรุกรานอยุธยา: ในขณะที่กรุงศรีอยุธยากำลังอ่อนแอและตกเป็นเมืองขึ้นของพม่า พระยาละแวก ได้ฉวยโอกาสยกทัพเข้ามารุกรานกรุงศรีอยุธยาหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรยังทรงเป็นพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก กองทัพกัมพูชาได้เข้ามารุกรานถึงเมืองหน้าด่านและหัวเมืองสำคัญหลายแห่ง สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับประชาชนชาวอยุธยาเป็นอย่างมาก
ความพยายามตีท้ายครัว: สิ่งที่สร้างความเจ็บช้ำและเป็นที่จดจำอย่างมากคือ การที่พระยาละแวกพยายามฉวยโอกาสเข้าโจมตีอยุธยาอยู่เสมอ แม้ในยามที่อยุธยากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างพม่า ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกมองว่าเป็นการ "ซ้ำเติม" หรือ "ตีท้ายครัว" ในยามที่อีกฝ่ายอ่อนแอและลำบาก
ความแค้นและการปราบปรามของสมเด็จพระนเรศวร: เมื่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้เอกราชของอยุธยาได้สำเร็จ และทรงขึ้นครองราชย์ สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญคือการแก้แค้นและปราบปรามกัมพูชาที่เคยรุกรานอยุธยาอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายครา พระองค์ได้ยกทัพไปตีเมืองละแวก เมืองหลวงของกัมพูชาในสมัยนั้น และสามารถยึดเมืองได้สำเร็จใน พ.ศ. 2137 เป็นการปิดฉากความแค้นที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน
ทำไมถึงกลายเป็นคำเตือน "คนไม่น่าไว้ใจ"
จากเหตุการณ์ข้างต้น พฤติกรรมของพระยาละแวกที่ฉวยโอกาสรุกรานอยุธยาในยามที่กำลังอ่อนแอ และการกระทำที่ซ้ำเติมในยามคับขัน ได้หล่อหลอมให้เกิดทัศนคติเชิงลบต่อบุคคลนี้ในหมู่คนไทย และส่งผลให้ชื่อของ "พระยาละแวก" กลายเป็นสัญลักษณ์ของ
- ความฉวยโอกาส การหาประโยชน์จากสถานการณ์ที่อีกฝ่ายกำลังอ่อนแอ
- ความไม่ซื่อสัตย์/ทรยศหักหลัง การไม่รักษาสัมพันธไมตรีหรือความเห็นอกเห็นใจในยามที่อีกฝ่ายตกทุกข์ได้ยาก
- ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย การกระทำที่อาจดูเหมือนฉลาดแกมโกง เพื่อประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึง "ลูกหลานพระยาละแวก" จึงไม่ใช่การหมายถึงเชื้อสายของพระยาละแวกโดยตรง แต่เป็นการเปรียบเปรยถึง บุคคลที่มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับสิ่งที่พระยาละแวกเคยทำในอดีต คือคนที่คบไม่ได้ ไม่น่าไว้วางใจ มีแนวโน้มที่จะทรยศหักหลัง หรือฉวยโอกาสจากผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยเฉพาะในยามที่เรากำลังลำบากหรืออ่อนแอ
สำนวนนี้จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่สืบทอดกันมาในสังคมไทย ให้ระมัดระวังในการเลือกคบหาผู้คน และพิจารณาพฤติกรรมของผู้ที่เราจะไว้วางใจ เพื่อป้องกันการถูกหักหลังหรือถูกเอาเปรียบในอนาคต






