เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น "วัดใหญ่ในเมืองหลวง" รวยจริงหรือ มีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เมื่อวันที่ 12 ส.ค. 68 ทางด้าน พระวัฒนวชิรเมธี (ธีรวิทย์ ฉนฺทวิชฺโช) หรือ เจ้าคุณธีรวิทย์ อดีตรองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก Teerawit Sukhontavaranon ชวนมองอีกมุม "วัดใหญ่ในเมืองหลวง" รวยจริงหรือ มีภาระค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

โดยระบุว่า วัด (ใหญ่ ๆ) รวย…จริงหรือ ? ชวนมอง 360 องศา หามุมที่หลายคนอาจยังมองไม่เห็น อนุโมทนาผู้ที่ได้อ่านจนจบแล้วแสดงความเห็น

 

ทุกครั้งที่มีข่าววัดใหญ่ในเมืองหลวงมีเงินฝากหลายสิบล้านบาท เสียงวิจารณ์ในโลกออนไลน์ก็มักดังขึ้นทันที

 

"พระรวยจัง!"

"วัดรวยขนาดนี้ยังต้องทำบุญกันอีกหรือ?"

"เอาเงินไปช่วยโรงเรียน โรงพยาบาลดีกว่า"

 

คำถามเหล่านี้สะท้อนความสงสัยของคนจำนวนมาก แต่ก็เป็นความเข้าใจเพียงบางส่วนของความจริงเท่านั้น

 

"#เงินวัดไม่ใช่เงินเจ้าอาวาส"

สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจ คือ เงินวัด ซึ่งเป็น ทรัพย์สินของวัด วัตถุประสงค์ใช้เพื่อกิจการในอาราม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและสาธารณประโยชน์ ไม่ใช่กัปปิยปัจจัยส่วนตัวของเจ้าอาวาสหรือพระภิกษุรูปใดภายในวัด การใช้จ่ายเงินวัด ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบคณะสงฆ์ และธรรมเนียมปฏิบัติของพระอารามนั้น ๆ

"#ค่าใช้จ่ายในอารามที่คนทั่วไปอาจมองไม่เห็น"

จากประสบการณ์ของผู้เขียนบทความที่มีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการบริหารพระอาราม วัดใหญ่ในเมืองหลวงที่มีพระเณร 50–80 รูป แม่ชี 15–20 คน ศิษย์วัด 30 คน รวมถึงคนงานดูแลวัด ยังไม่รวมถึงสุนัขและแมวที่อยู่ในวัด ล้วนแต่มีค่าใช้จ่ายพื้นฐานทั้งสิ้น หากจะประมาณให้พอเห็นชัดต่อเดือน เช่น

  • #ค่าอาหาร พระเณร แม่ชี ศิษย์วัด คนงาน ฯลฯ รวมวันละ 2 มื้อ อาจเกิน 200,000- 300,000 บาทต่อเดือน (เพราะบางช่วงก็มีงานพิเศษสำคัญทางศาสนา)
  • #ค่าน้ำค่าไฟ สำหรับ พระอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ อาคารประกอบ ต่าง ๆ อาจอยู่ที่ 150,000–200,000 บาทต่อเดือน (ไม่รับตามกุฏิส่วนตัวที่พระเณรต้องรับผิดชอบเอง)
  • #ค่ายารักษาโรคและค่ารักษาพยาบาล โดยเฉพาะพระเณรที่ป่วยฉุกเฉิน อาจอยู่ที่ 30,000–50,000 บาทต่อเดือน
  • #ค่าใช้จ่ายกิจกรรมพระพุทธศาสนา เช่น วันสำคัญ งานประเพณี งานอบรมปฏิบัติธรรม อาจใช้ 50,000–100,000 บาทต่อครั้ง
  • ฯลฯ

 

รวมแล้ว ประมาณการค่าใช้จ่ายประจำเดือนอาจสูงกว่า 500,000 บาท ซึ่งเมื่อคูณ 12 เดือน ก็อาจเกิน 6 ล้านบาทต่อปี โดยยังไม่รวมค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน

 

"#การบูรณะและซ่อมแซมอาราม"

วัดเป็นสถานที่ที่มีอาคารและโบราณสถานสำคัญ เช่น พระอุโบสถ พระวิหาร ศาลาการเปรียญ ที่ต้องดูแลต่อเนื่อง การซ่อมใหญ่ เช่น บูรณะพระอุโบสถ บูรณะวิหารเก่าอาจใช้ 10–20 ล้านบาท เพราะการซ่อมโบราณสถาน จำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษ ใช้ช่างมีฝีมือ ค่าจ้าง วัสดุต่าง ๆ อาจสูงกว่างานบูรณะทั่วไป

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

"#งานของคณะสงฆ์ในวัด — มีมากกว่าที่คิด"

เงินของวัดนั้นนอกจากที่ยกตัวอย่างมาข้างต้นแล้ว ยังต้องมองภาพรวมของพันธกิจคณะสงฆ์ตามกฎหมายที่กำหนดให้แต่ละวัดสนองนโยบายคณะสงฆ์ทั้ง 6 ด้าน คือ

  1. งานด้านการปกครอง — ดูแลพระเณรและกิจการภายในวัดให้เป็นไปตามพระธรรมวินัย
  2. งานด้านการศึกษา — สนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม และการศึกษาสามัญของพระเณร
  3. งานด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา — จัดกิจกรรมธรรมะ อบรมเยาวชน และเผยแพร่ผ่านสื่อสมัยใหม่
  4. งานด้านสาธารณูปการ — การบูรณะกุฏิ ศาลา ถนนในวัด ระบบน้ำไฟ
  5. งานด้านการศึกษาสงเคราะห์ — ช่วยเหลือทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนยากจน
  6. งานด้านสาธารณสงเคราะห์ — การช่วยเหลือผู้ประสบภัย น้ำท่วม ไฟไหม้ ฯลฯ

 

นอกจากนั้นเจ้าอาวาสหลายรูปก็ยังต้องแบกรับงานบริหารกิจการคณะสงฆ์ในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค ซึ่งต้องเป็นกำลังให้กับวัดวาอารามในพื้นที่ปกครอง พระเถระเหล่านี้หาได้เป็รปฏิคาหก (ผู้รับ) อย่างเดียวแต่ท่านยังต้องเป็นทายก (ผู้ให้) ในขณะเดียวกันอีกด้วย

 

"วัดใหญ่ ๆ มีเงินหลายสิบล้าน เหลือเฟือจริงหรือ ?"

 

ดังนั้น เงินสำหรับเงินสำรองของวัด แม้จะดูสูงถึง 50–60 ล้านบาท เมื่อพิจารณาก็อาจเพียงพอให้วัดดำเนินงานและซ่อมบำรุงใหญ่ได้เพียง 4–5 ปีเท่านั้น หากไม่มีการสนับสนุน มิใช่เป็นเงินเหลือเฟือเกินจำเป็น

 

"#ความเสี่ยงจากบุคคลที่หวังประโยชน์ส่วนตน"

แม้พระสงฆ์ส่วนใหญ่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัดอาจเผชิญบุคคลที่อาจเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว เช่น เข้ามามีบทบาทในฐานะกรรมการวัดหรือผู้จัดการทรัพย์สิน ซึ่งอาจสร้างปัญหาด้านความโปร่งใสหากขาดการตรวจสอบและการทำงานร่วมกันอย่างถูกต้อง ก็ถือเป็นปัญหาที่เจ้าอาวาสต้องแบกรับ

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

"#การตรวจสอบด้วยใจเป็นกัลยาณมิตร"

ต้องขออนุโมทนากับภาครัฐ ที่มีความตั้งใจดีที่จะเข้ามาช่วยเหลือปัญหาข้างต้น ด้วยกสรตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส แต่เสนอให้ควรดำเนินการด้วยท่าทีแห่ง "กัลยาณมิตร" เคารพในบทบาทของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบซึ่งยังมีอยู่หลายแสนรูปในสังฆมณฑล ดำรงตนเป็นพุทธบริษัท ที่มีกุศลเจตนา ดำเนินการตรวจสอบตั้งอยู่บนความร่วมมือและความเข้าใจ ที่จะเสริมสร้างศรัทธา มากกว่าการทำให้เกิดความหวาดระแวง ซึ่งกันและกัน

 

"#ฝากไว้ด้วยหลักธรรม"

พระพุทธภาษิต "นิสมฺม กรณํ เสยฺโย" แปลว่า "การใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ ย่อมดีกว่า" เป็นข้อเตือนใจทั้งผู้ที่วิจารณ์วัด และผู้ที่ต้องการเข้ามาช่วยดูแลกิจการคณะสงฆ์ ว่า ก่อนลงมือทำหรือกล่าวสิ่งใด ควรพิจารณาให้รอบด้าน เพื่อให้ผลลัพธ์เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พระพุทธศาสนาและสังคม

 

"#บทสรุป"

เงินหลายสิบล้านของวัดใหญ่ อาจดูเป็นตัวเลขมหาศาลในสายตาคนทั่วไป แต่เมื่อมองลึกถึงภาระค่าใช้จ่าย การบูรณะซ่อมแซม การศึกษาสงเคราะห์ และงานสาธารณกุศลต่าง ๆ จะเห็นว่าทรัพย์เหล่านี้เป็น "ทุนสำรองเพื่อความมั่นคงของพระพุทธศาสนา" เพราะเมื่อศาสนามั่นคง ศาสนาก็ไปสร้างคน คนก็ไปพัฒนาประเทศชาติบ้านเมือง เรื่องเงินวัดไม่ใช่เพื่อความฟุ่มเฟือยส่วนบุคคล การเข้าใจอย่างรอบด้าน ย่อมช่วยให้เรารักษาศรัทธาและร่วมกันปกป้องคุณค่าของศาสนาให้ยั่งยืนสืบไป

 

ป.ล. อย่าลืมว่าเงินวัด 50-60 ลบ. ของบางวัดไม่ใช่เงินรายได้รายปีทุกปีเหมือนงบประมาณ แต่เป็นเงินบุญเงินกุศล ที่พุทธศาสนิกชนร่วมสะสมบุญกันมาตั้งแต่สร้างวัดเป็นร้อยปี

 

#หมายเหตุ : การนำเสนอเนื้อหานี้ ไม่ได้บอกว่าทุกวัดจะค่าใช้จ่ายเช่นนี้ กรณีศึกษานี้หมายเฉพาะวัดใหญ่ ๆ ที่มี อารามิก (คนวัด) อาศัยกันเป็นร้อยชีวิต ไม่ต่างจากหมู่บ้าน ๆ หนึ่ง ส่วนวัดเล็ก วัดในชนบทก็ย่อมมีความแตกต่างกันไป

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง

เจ้าคุณธีรวิทย์ ชวนมองอีกมุม วัดใหญ่ในเมืองหลวง มีภาระอะไรบ้าง